อายัด100ล้าน
ร่างทรงสาวพัน‘ศุภชัย’
ยธ.แกะรอยโฉนดที่ข้างวัด
ซื้อ-ขายส่อเข้าข่ายฟอกเงิน
ดีเอสไอย้ำธัมมชโยต้องมา
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พร้อมกำลังตำรวจทหาร และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ลงตรวจค้นพื้นที่หลายแห่งในต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อเช้าวันที่ 27 มีนาคม หลังพบว่าเจ้าของสถานที่ดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์กว่า13,000ล้านบาท
จุดแรก บริเวณบ้านเลขที่55 บ้านใหญ่จอมแตง หมู่ 11 ต.สันโป่ง บนเนื้อที่กว่า3ไร่ เป็นเทวสถานปฏิบัติธรรมองค์พระแม่มหาการี ปางประทานพร ของนางประทุมพร บุตรศรี อายุ 48 ปี เป็นองค์ประทับ ที่ระบุว่าเป็นองค์ประทับร่าง
จากการตรวจค้นภายในพบทองคำรูปพรรณ ทองคำแท่ง สร้อยไข่มุก กระเป๋าแบรนเนมหรูกว่า 40ใบ ยี่ห้อหลุยส์วิคตอง ชาแนล ปราด้า กุชซี่ นาฬิกาหรู เช่น ยี่ห้อโรเล็กซ์ กุชชี่ กว่า 20 เรือนจำ รถยนต์ 7คัน เช่น ยี่ห้อเบนซ์ โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ รถจักยานยนต์ หรู 5คัน อาทิ ยี่ห้อฮาเล่ห์ เดวิสัน 2 คัน ยี่ห้อดูคาร์ติ 2 คัน และยี่ห้อซูซูกิฮายาบูซะ1คัน นอกจากนี้นังมี โฉนดที่ดินอีก 45ไร่ และทรัพย์สินอื่นอีก
จุดที่2 และจุดที่3 คือบ้านของพ่อ แม่ ของนายประทุมพร ไม่พบทรัพย์สิน และจุดที่4 อยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ8กิโลเมตรเป็นอพาร์ทเม้น นครพิงลอร์ด ห้องพักเลขที่888 ชั้น4 ซึ่งเป็นห้องพักของนางผกามาศ อมรวงศ์ หนึ่งในผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัย ตรวจพบ พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่1คัน และเงินสด2แสนบาท
เลขาธิการ ปปง.ให้สัมภาษณ์ว่า การตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับทราบข้อมูลว่านางประทุมพร ศรีบุตร เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ กับนายศุภชัย โดยนางประทุมพร ยอมรับว่ารู้จักกันในฐานะลูกศิษย์เทวสถานแห่งนี้ ซึ่งเคยนำสิ่งของมา บริจาคด้วยจิตศรัทธา โดยได้รู้จักและเป็นลูกศิษย์นานกว่า2ปีแล้ว และนายศุภชัย เคยมาสถานที่ดังกล่าวประมาณ3-4ครั้ง
ทั้งนี้ ปปง.ได้ยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าทรัพย์หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สามารถชี้แจงที่มาทรัพย์ได้ แต่หากทรัพย์สินส่วนใดไม่สามารถชี้แจงได้ ปปง.ก็จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อพิจารณาว่าจะยึด อายัดหรือไม่ เบื้องต้น ทรัพย์ที่ยึดไว้ตรวจสอบในครั้งนี้มีมูลค่าเกือบ100ล้านบาท
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ดุษฏี. อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.)กำกับดูแลอาชญากรรมพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนคดียักยอกฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เข้าตรวจสอบโฉนดที่ดินที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ ที่ยักยอกเงินโดยการสั่งจ่ายเช็คจากสหกรณ์ฯมาซื้อที่ดินและโอนขายต่อให้กับทายาทนักธุรกิจบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง
รวม 8 แปลง ราคาขาย 298 ล้านบาท โดยหลังการขายที่ดินไม่ปรากฎหลักฐานว่านายศุภชัยนำเงินกลับคืนให้กับสหกรณ์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า การโอนที่ดิน 8 แปลงนี้ โอนเมื่อ 7 มิ.ย. 56. หลังนายศุภชัยถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ ตั้งแต่ 19 เม. ย.56. พฤติการณ์ของนายศุภชัยจึงเข้าองค์ประกอบการฟอกเงิน โดยนำเงินจากการกระทำผิดไปซื้อที่ดิน และขายเปลี่ยนมือเพื่อฟอกเงิน
นอกจากนี้ในการตรวจสอบโฉนด ยังพบข้อพิรุธจากรูปแปลงที่ดินทั้ง 8 แปลง ซึ่งมีการโอนขายในลักษณะฟันหลอ หรือซื้อแบบแปลงเว้นแปลง. ผิดปกติวิสัยการกว้านซื้อที่ดินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเรียกตรวจโฉนดแปลงที่เป็นฟันหลอ จึงพบว่ามีชื่อนายศุภชัยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินอีก 9 แปลง ดังนั้นดีเอสไอจะเรียกบุคคลที่มีชื่อถือครองที่ดินร่วมกับนายศุภชัยในแปลงอื่นทั้งหมดมาตรวจสอบว่าเป็นนอมินีหรือไม่ รวมถึงเรียกทายาทนักธุรกิจคนดังกล่าวเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอด้วย
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า ตนยังมอบหมายให้ดีเอสไอกับปปง.ร่วมตรวจสอบการโอนขายที่ดินทุกแปลงของนายศุภชัย ตั้งแต่ปี 2552-2556 โดยจะรื้อตรวจในสารบบ แบบวันต่อวันว่านายศุภชัยมีการครอบครอง และโอนขายไปให้กับใครบ้าง และมีการซื้อขายกันจริงงหรือไม่ เพื่อยึดทรัพย์จากการกระทำผิดเพิ่มเติม เบื้องต้นพบที่ดินในชื่อของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล อดีตพระวัดธรรมกายอีก 7-8 แปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการตรวจสอบเอกสารโฉนดที่ดินพ.ต.อ.ดุษฎี และพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพิกัดที่ดินทั้ง 8 แปลงที่นายศุภชัยใช้เงินยักยอกสหกรณ์ฯคลองจั่น มาซื้อและขายให้กับทายาทนักธุรกิจชื่อดัง โดยที่ดินจริงอยู่ติดรั้ววัดพระธรรมกาย มองเห็นวิหารแม่ชีจันทร์ขนนกยูง อย่างชัดเจน
ในขณะที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานประชุม “ติดตามผลคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น” ครั้งที่ 7/2558
ต่อมา พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวะกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ และศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ แถลงผลประชุมคดี
พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า อธิบดีดีเอสไอได้เน้นเรื่อง 1.การไล่ตรวจสอบเอกสาร 2.การไล่ตรวจสอบบัญชี และ3.ดูกฎหมายและกฎระเบียบของสหกรณ์ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งยังหยิบยกคำปรารภของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่ได้เน้นย้ำว่า ทำคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นให้สำเร็จ จะได้เป็นตัวอย่างคดีตัวอย่างในการทำคดีเกี่ยวกับสหกรณ์ต่อไป รวมทั้งจะได้วางมาตรการหรือแก้กฎหมายสหกรณ์ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงหรือยักยอกทรัพย์ด้วย
ด้านพ.ต.ท.ปกรณ์ เผยว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาพระมหาบุญชัย จารุทัตโต ผอ.ฝ่ายการเงินและบัญชีวัดพระธรรมกาย นำหลักฐานเข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวน เรื่องการรับเช็ค 15 ฉบับจากนายศุภชัย โดยแจ้งว่ารับมาเช็คเพียง 13 ฉบับเท่านั้น ส่วนเช็คอีก 2 ฉบับไม่ได้รับ เบื้องต้นเช็ค 13 ฉบับที่พระมหาบุญชัยนำมาให้ ตรงกับเอกสารหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมี โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้พระมหาบุญชัยกลับไปวัดพระธรรมกายไปตรวจสอบใหม่อีก โดยยังไม่ได้นัดวันที่พระมหาบุญชัยจะมาพบอีกครั้งวันไหน ทั้งนี้การตรวจสอบเช็คทั้งหมดนั้นทางพนักงานสอบสวนจะทำงานร่วมกับฝ่ายการเงินและการบัญชีสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าตรงกันไหม
“ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบนิติบุคคลที่ได้รับเช็คจากนายศุภชัยไปแล้วกว่า 30 ราย จากทั้งหมด 43 ราย คาดว่าจะสอบปากคำเสร็จก่อนสงกรานต์นี้แน่นอน หลังจากนั้นจะทำการตัดเช็คจำนวนกว่า 200 ฉบับที่โอนไปให้นิติบุคคล ออกจากเช็คทั้งหมดจำนวน 878 ฉบับ หลังจากนั้นจะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการและขอยืนยันว่าพระธัมมชโยจำเป็นต้องมาให้ปากคำให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง ”พ.ต.ท.ปกรณ์
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ดีเอสไอมีหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงและแสวงหาหลักฐานมาประกอบสำนวน ในส่วนกรณีพระธัมมชโยได้แจ้งว่าป่วยไม่สามารถมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนได้นั้น จริงๆแล้วควรจะมาให้ปากคำด้วยตัวเอง เพราะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อประชาชนด้วยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนกำลังประสานงานวัดพระธรรมกายให้พระธัมมชโยมาสอบปากคำอีกแต่ยังไม่ได้กำหนดว่าวันไหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี