ความคืบหน้าคดีสังหารพระอาจารย์บัณฑิต สุบัณฑิโต หรือ “พระหมอ” เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด จ.อุดรธานี ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 มีนาคม พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4(รอง ผบช.ภ.4) และคณะ พร้อมด้วย พ.ต.อ.บรรจบ สีหานาวี พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมือง จ.อุดรธานี ได้ขออนุญาตศาลเบิกตัว ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม บก.ภ.จว.อุดรธานี , นายปัญจ๋า ชารีแสน และนายบุญนาค หงษาคำ พนักงานขับรถสำนักงานโครงการชลประทาน จ.อุดรธานี ทีมสังหารพระหมอ ออกจากเรือนจำกลางอุดรธานี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางการอารักขาเข้มของเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดที่ 1 ในการทำแผนประกอบคำสารภาพครั้งนี้ คือ ที่โรงสีศิริญากร หมู่ 1 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน นำรถกระบะสีขาวที่ขับไปดูเป้าหมาย แต่เกิดชนสุนัขจนหม้อน้ำแตก แล้วนำมาซุกซ่อนไว้ในโกดังของโรงสี
จุดที่ 2 เป็นบ้านสวนของ ด.ต.ชาญชัย ในพื้นที่บ้านด่าน ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งนายปัญจ๋า และ ด.ต.ชาญชัย มานอนพักในคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากไม่สามารถลงมือสังหารพระหมอได้ พอตื่นเช้าวันที่ 1 มีนาคม ด.ต.ชาญชัย ได้ขับรถกระบะมาสด้า บีที 50 สีขาว พานายปัญจ๋าไปยิงพระหมอ จนมรณภาพ
จากนั้นทั้ง 2 คนได้ขับรถหลบหนีมาที่บ้านสวนหลังดังกล่าว แล้วนายปัญจ๋าได้ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้สีดำ กลับ จ.กาฬสินธุ์ ส่วน ด.ต.ชาญชัย นำรถที่ก่อเหตุไปซุกซ่อนที่ จ.หนองบัวลำภู และเปลี่ยนสีขาวเป็นสีดำ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเสร็จแล้ว จากนั้นได้ควบคุมตัวทั้ง 3 คน ไปฝากขังที่เรือนจำกลางอุดรธานี
ด้าน พ.ต.อ.บรรจบ กล่าวว่า ได้สอบสวนนายบุญนาค ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าพระหมอเสร็จสิ้นแล้ว และได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปฝากขัง 12 วัน ที่เรือนจำกลางอุดรธานีโดยแยกขัง ส่วนสำนวนทีมสอบสวนจะได้เร่งทำให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อนำส่งกองปราบปรามตรวจสอบว่ายังขาดเหลืออะไร ส่วนนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ หรือ “เสี่ยบั๊ก” ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร ที่เป็นผู้บงการนั้นหลังกลับจากการแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ก็ได้ควบคุมตัวไปขังในเรือนจำกลางอุดรธานี โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว และจนถึงวันนี้ยังไม่มีทนายความ หรือญาติมายื่นประกันตัวแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า คดีดังกล่าวสามารถจับกุมทั้งมือปืนและผู้จ้างวานได้หมดแล้ว ไม่มีผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม นำสำนวนเสนอต่ออัยการ และขึ้นสู่กระบวนการของศาลต่อไป ส่วน “หมอแก้ว” ที่เป็นชนวนของเหตุการณ์สลดนี้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี และจะกันตัวไว้เป็นพยานต่อไป
วันเดียวกัน พนักงานโรงพยาบาลเอกอุดรรายหนึ่ง ได้ออกมาระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความระบุว่า “ไม่ว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร ใครจะมองท่านยังไง หรือสังคมจะพิพากษาท่านไปขนาดไหน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะสำหรับเราแล้วท่านยังคงเป็นเจ้านายผู้โอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อพวกเราเสมอ และความเคารพนับถือที่มีต่อท่านก็ยังมั่นคงไม่ได้จางหายไป หรือลดลงไปแม้แต่น้อย และฉันก็ภูมิใจที่ได้ทำงานในโรงพยาบาลเอกอุดร ฉันไม่อายใคร โรงพยาบาลของฉัน เจ้านายของฉัน” ซึ่งหลังมีการโพสต์ข้อความออกไปได้มีเพื่อนของพนักงานรายนี้เข้ามากดถูกใจจำนวนหนึ่ง บางส่วนยังแสดงความคิดเห็น เช่น “ใช่ๆๆ พวกเรา คือ “ครอบครัวเอกอุดร” เรารักท่าน รักเจ้านาย” และเห็นด้วย 1,000% เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี