นายสิริวิชญ์ กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบชลประทานระดับไร่นา ด้วยการจัดรูปที่ดินและงานก่อสร้างคัน/คูน้ำ เพราะจะสามารถกระจายน้ำได้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ลดการสูญเสียน้ำ เป็นการใช้น้ำที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งลดปัญหาการแย่งน้ำของเกษตรกรได้ โดยในปี 2558 มีแผนที่จะจัดรูปที่ดินให้ได้อีกประมาณ 20,000 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม สกลนคร สุพรรณบุรี และอ่างทอง
ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรมชลประทานสามารถพัฒนาระบบชลประทานระดับไร่นาทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นงานจัดรูปที่ดินประมาณ
2 ล้านไร่ และงานก่อสร้างคัน/คูน้ำอีกประมาณ 10 ล้านไร่ ซึ่งประเทศไทยยังมีพื้นที่ๆ เหมาะกับการพัฒนาระบบชลประทานระดับไร่นาอีกประมาณ 1.5 ล้านไร่ แต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้สามารถดำเนินการการจัดรูปที่ดินได้ปีละไม่เกิน 50,000 ไร่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2557 ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้พัฒนาระบบชลประทานในระดับไร่นาประสบผลสำเร็จหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีการสร้างคันคูน้ำและปรับพื้นที่นาให้เกษตรกรจำนวน 1,220 ไร่ เพื่อชักน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุนเข้าสู่ทุกแปลงนาอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกษตรกรได้รับน้ำต้นทุนอย่างทั่วถึง และผลผลิตทางการเกษตรกรเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดค่าไฟฟ้าที่จะต้องสูบน้ำเข้านาตนเอง ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายจำลอง อ่องอ้น ผู้อำนวยการโครงการปฏิบัติการคันคูน้ำที่ 7 กรมชลประทาน กล่าวว่า เกษตรกรในพื้นที่ ต.โพธิ์ จะใช้น้ำต้นทุน จากห้วยสำราญ ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำมูล ที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ โดยได้มีการก่อสร้างถานีสูบน้ำห้วยสำราญเพื่อสูบน้ำเข้าไร่นา แต่ที่ผ่านมาจะมีปัญหา เกษตรกรได้รับน้ำไม่ทั่วถึง ต้องใช้เวลาในการสูบน้ำหลายชั่วโมงจนเกิดการขัดแย้ง แย่งน้ำ ค่าไฟฟ้าในการสูบน้ำก็สูง เมื่อกรมชลประทานได้เข้ามาปรับพื้นที่นาให้เสมอกันจำนวนทั้งหมด 235 แปลง พร้อมสร้างคลองคู่ขนานต่อจากระบบส่งน้ำหลัก และคูระบายน้ำ ปัญหาดังกล่าวข้างก็หมดไป รวมทั้งยังได้มีการสร้างถนนเพิ่มเติมอีกด้วย
“ตอนนี้ทุกแปลงนามีขอบเขตชัดเจน มีท่อส่งน้ำเข้าทุกแปลง ทำให้ลดระยะเวลาการสูบน้ำ ค่าไฟลดลง และถนนที่สร้างขึ้นก็ช่วยให้เกษตรกรลำเลียงสินค้าเกษตรได้สะดวกมากกว่าเดิม และทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น” นายจำลองกล่าว
นายบุญทัน เขตสกุล อายุ 61 ปี เกษตรกรผู้ปลูกข้าวพันธุ์ชัยนาท 1 ต.โพธิ์ และหัวหน้าคลองส่งน้ำสาย 1 กล่าวว่า ตนมีที่นาจำนวน 5 ไร่ ได้เข้าสู่ระบบการจัดรูปที่ดินซึ่งจะต้องเสียสละที่ดินเกือบ 1 ไร่ เพื่อก่อสร้างคันคูส่งน้ำ ปกติทำนาปีละ 1 ครั้ง ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 800 กิโลกรัม คาดว่าทำนาครั้งหน้าผลผลิตจะเพิ่มเป็นไร่ละ 1,000 กิโลกรัม และอาจจะทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง เพราะเห็นแล้วว่ามีน้ำเข้าแปลงนาทุกแปลงจึงอยากจะให้กรมชลประทานจัดรูปที่ดินเพิ่มเติมให้อีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี