ล้างหนี้เกษตรกร
รบ.ไฟเขียว10เงื่อนไข
ต่ำกว่า5ล.แทงเป็นสูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบยุทธศาสตร์โครงสร้างทางการเกษตร ระยะ 5 ปี (2558-2563) วงเงิน 35,000 ล้านบาท โดยกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) 20,000 ล้านบาท และใช้งบกลางประจำปี 2558 วงเงิน 1,800 ล้านบาท เพื่อเน้นช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มผลผลิต เพื่อใช้ในด้านต่างๆ
โดย นายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวว่า
งบประมาณส่วนหนึ่ง จะถูกนำไปในการแก้ปัญหายางพาราที่ยังประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยตั้งเป้าหมายลดพื้นที่การปลูกยาง 1-2 ล้านไร่ต่อปี จากปัจจุบันดำเนินการอยู่ 4 แสนไร่ต่อปี เพื่อส่งเสริมให้ชาวสวนยางปลูกปาล์มหรือพืชชนิดอื่นทดแทน โดย ธกส. พร้อมปล่อยเงินกู้การปลูกพืชชนิดอื่น เมื่อลดปริมาณต้นยางจะทำให้ราคาปรับสูงขึ้นอีก 6 ปีข้างหน้า รวมถึงแผนส่งเสริมนำยางพารามาใช้สร้างถนน สนามกีฬาและอุตสาหกรรมอื่น หรือทดลองใช้ในระบบปศุสัตว์ เพื่อนำยางพาราคาไปใช้ด้านอื่นได้ประมาณ 8 พันตันต่อปี และยังมีนโยบายให้ตลาดกลางของสำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) รับซื้อยางแผ่นรมควันในราคานำตลาดจากเกษตรกร แต่ยอมรับว่า ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางได้อย่างทั่วถึง ทำให้ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกร เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้ผลิตยางรมควัน โดยสามารถช่วยรับซื้อได้เพียง 2 แสนตันจากทั้งหมด 4 ล้านตัน ใช้งบประมาณ10,000 ล้านบาท
นายปีติพงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้สินด้วยการตัดหนี้สูญให้เกษตรกรที่อยู่ในส่วนกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร และอื่นๆอีก 9 กองทุนจำนวนร่วม3หมื่นราย วงเงิน 4,556 ล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรฯจะเป็นผู้พิจารณาตัวบุคคลที่เป็นไปตามเงื่อนไขของเกณฑ์การจัดเป็นหนี้สูญว่ามีใครบ้าง จากนั้นจะส่งข้อมูลเกษตรกรทั้งหมดไปให้กระทรวงการคลังอนุมัติการตัดหนี้สูญตามกฎหมาย โดย รมว.คลัง สามารถตัดหนี้สูญให้เกษตรกรได้ทันทีในกรณีมีหนี้สินวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่หากมีหนี้สินเกินกว่า 5 ล้านบาท ต้องนำเรื่องเสนอครม.พิจารณา
สำหรับเงื่อนไขการตัดหนี้สูญที่วางไว้ 10 ประเภท คือ หนี้ที่เกิดจากโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐที่ไม่ประสบความสำเร็จ, หนี้ที่เกิดจากเกษตรกรประสบภัยธรรมชาติ, หนี้ที่เกิดจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, หนี้ที่ขาดอายุความ, หนี้ค้างชำระเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป, หนี้ที่ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินเพื่อบังคับคดีได้, หนี้ที่เกษตรกรผู้ยืมเงินเสียชีวิต สาบสูญ หาตัวไม่พบ หรือละทิ้งที่อยู่, หนี้ที่เกษตรกรผู้กู้ยืมเงินชราภาพ ทุพพลภาพ วิกลจริต หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง, หนี้ที่ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อย ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ และหนี้ที่มีการกู้ยืมเงินต่ำกว่า 10,000 บาท
นอกจากนี้ยังเดินหน้าผลักดันโรดแมปกระทรวงเกษตรฯ 10 โครงการประกอบด้วย โครงการปรับโครงสร้างการผลิตข้าว, โครงการปรับโครงสร้างการผลิตปศุสัตว์, โครงการปรับโครงสร้างการผลิตประมง, โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้สูญ, การปรับปรุงและออกกฎหมายเพิ่มเติม, โครงการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร, โครงการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยสหกรณ์, โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร, โครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจข้าวของสถาบันเกษตรกร และโครงการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว
พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกันดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้ทั้งหมดทุกลุ่มทั่วประเทศ เพื่อดูว่าชาวบ้านประกอบอาชีพแต่ละกลุ่มสัดส่วนเท่าใด มีรายได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากพบว่าเกษตรกรมีรายได้จากอาชีพเสริมอื่นสัดส่วนร้อยละ 40-50 ของรายได้ทางการเกษตร เพื่อเป็นข้อมูลให้กับรัฐบาลในการช่วยเหลือของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ยังเร่งให้เดินหน้าการจดทะเบียนแรงงานประมงที่ผิดกฏหมาย ตามระเบียบของ ไอยูยู รวมถึงให้เรือประมงทุกลำทำสัญญากับแรงงานประมง แต่ยอมรับว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร สำหรับเรื่องนี้จะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่2เมษายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี