พปส.สับกทม.ปมสะพานห้างหรู เอื้อเอกชนกว่าผลประโยชน์ปชช.
วันพุธ ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558, 16.16 น.
Tag :
8 เม.ย. 58 นายปวริศ ผุดผ่อง เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) เปิดเผยว่า ตามที่ทางกลุ่ม พปส.ได้ติดตามตรวจสอบการขออนุญาต และก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนนเชื่อมสะพานลอยทางเชื่อมอาคารเซ็นทรัล ชิดลม และอาคารเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ปาร์ค ซึ่งสร้างคล่อมถนนและคลองสาธารณะ ล่าสุดทาง สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวมายัง พปส. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เพิกเฉยมาเป็นเวลาหลายเดือน จน พปส.ต้องทำหนังสือร้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง
นายปวริศ กล่าวต่อว่า สำหรับสาระสำคัญที่ สำนักโยธา กทม.ชี้แจงมานั้น ยืนยันว่า การขออนุญาต และก่อสร้างสะพานลอยดังกล่าวโดย บริษัท เตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของทาง กทม. ทั้งยังมีการระบุด้วยว่า เป็นการก่อสร้างโดยเอกชนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และมอบให้เป็นสาธารณสมบัติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สัญจรไปมา โดยมิได้พิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาจราจรหรืออุบัติเหตุจากการข้ามถนนของประชาชน ถือเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเพิ่มมูลค่าให้แก่ห้างสรรพสินค้าของตัวเอง มากกว่าที่ประชาชนทั่วไปจะได้ประโยชน์ เพราะต้องยอมรับว่าการที่มีสะพานนี้ขึ้นมาทำให้มูลค่าของอาคารและห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของราคาเช่าพื้นที่ที่แพง ราคาสินค้าและบริการ รวมทั้งอาหารภายในห้างมีราคาสูงกว่าปกติมาก
“หากต้องการอำนวยความสะดวกจริง ก็ควรสร้างสะพานลอยที่ต้นหรือท้ายถนนสมคิดมากกว่า ที่จะไปสร้างผ่านอาคารของตัวเอง เรื่องนี้จึงยังถือเป็นการเอารัดเปรียบประชาชนและใช้สาธารณสมบัติผิดวัตถุประสงค์ สรัางมูลค่าเพิ่มให้กับเอกชน โดยที่มีข้าราชการรู้เห็นเป็นใจ” นายปวริศ ระบุ
เลขาธิการ พปส.กล่าวอีกว่า การที่ กทม.พยายามอ้างตลอดว่าเอกชนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ทั้งการก่อสร้างและการบำรุงรักษา ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะจะหมายความว่า หากมีการก่อสร้างใดๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม หรือมีการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ แต่ทางเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณก็สามารถทำได้อย่างนั้นหรือ เพราะมีการสร้างคล่อมถนนและคลองสาธารณะอย่างชัดเจน แม้กทม.จะยืนยันว่าไม่กระทบต่อระบบระบายน้ำก็ตาม แต่การที่มีสะพานขึ้นมาก็ถือว่ากระทบสิทธิผู้อื่นในด้านทัศนียภาพ และทำให้รถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่ไม่สามารถสัญจรภาย ซ.สมคิดได้ ทั้งนี้ทาง กทม.ได้ยอมรับด้วยว่า ตามบันทึกข้อตกลงนั้น ทางเอกชนต้องเปิดให้ประชาชนสามารถใช้งานสะพานลอยได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ที่มีการปิดทางขึ้น-ลงสะพานตามเวลาปิดให้บริการของห้าง อีกทั้งยังมีการติดป้ายโฆษณาตามบริเวณทางเดิน โดยเรื่องนี้ทาง กทม.รับไปในการที่จะแจ้งให้เอกชนปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงโดยเคร่งครัดในการที่จะเปิดให้ประชาชนใช้งานได้ตลอดเวลาตามที่ตกลงกันไว้