วงจรปิดมัด‘ต้องสงสัย’
โชเฟอร์บึ้ม!
ตร.ไล่ล่าชายชุดน้ำเงิน
ค้นบ้าน3รปภ.ห้างสมุย
พบสารโยง‘คาร์บอมบ์’
‘ไก่อู’ยันจัดฉากโจรใต้
คดีระเบิด “คาร์บอมบ์” ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา มีความคืบหน้ามากขึ้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบหลักฐานบางส่วนที่อาจเป็นส่วนผสมของการประกอบวัตถุระเบิดในบ้านพักพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.) ของห้าง 3 คนที่ถูกล็อคตัวไว้สอบสวนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ชุดคลี่คลายคดียังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมออกหมายจับ “ชายชุดน้ำเงิน” ผู้ต้องสงสัยขับรถคาร์บอมบ์ไปจอดในที่เกิดเหตุ
ล่า“ชายชุดน้ำเงิน”เอี่ยวคาร์บอมบ์
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 13 เมษายน ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8(รอง ผบช.ภ.8) และ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม(รรท.ผบก.ป.) ได้เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องและชุดสืบสวนในคดีระเบิดรถยนต์ “คาร์บอมบ์” ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวภายหลังการประชุมว่า การคลี่คลายคดีมีความคืบหน้าขึ้นมาก โดยเฉพาะภาพของชายต้องสงสัยสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินที่มีการนำไปแชร์ต่อๆกันตามสื่อโซเซียลในขณะนี้นั้น ตนยืนยันว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วยืนยันได้ว่าเป็นชายต้องสงสัยที่เป็นคนขับรถคาร์บอมบ์คันเกิดเหตุไปจอดที่ลานจอดรถใต้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ก่อนจะเดินออกจากลานจอดรถ แล้วขึ้นบันไดไปที่ชั้น 1 โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพใบหน้าของชายต้องสงสัยคนดังกล่าวได้ชัดเจน ก่อนจะเดินออกจากห้าง แล้วหายไปตามริมถนน
คาดไม่เกิน 2 วันได้ตัวแน่
“ขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ไล่ตรวจสอบชื่อนามสกุล และที่อยู่ของชายคนดังกล่าว เพื่อติดตามตัวมาให้ได้โดยเร็ว คาดว่าจะติดตามตัวมาได้ภายในวัน หรือ 2 วันนี้อย่างแน่นอน แต่การทำงานของตำรวจทุกขั้นตอนต้องตอบข้อสงสัยของสังคมได้ จึงให้ทำงานอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับชายต้องสงสัยคนดังกล่าวต่อไป” พล.ต.ต.สมชาย กล่าว
ตามอีก 7 รปภ.ส่อโยงคนร้าย
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับการเรียกตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(รปภ.) ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล 15 คน มาสอบสวน แบ่งเป็นมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ 7 คน ซึ่งทุกคนปฏิบัติหน้าที่แต่ละจุดได้ดี กระทั่งเกิดเสียงระเบิดขึ้น ส่วน รปภ.ต้องสงสัย 3 คน ที่ถูกล็อคตัวก็ให้ทางทหารนำตัวไปสอบสวนอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้หรือไม่ นอกจากนี้ชุดคลี่คลายคดียังประสานกับทางห้างเพื่อติดตาม รปภ.อีก 7 คน ที่ถูกไล่ออกและลาออกไปก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น หญิง 3 คน และชาย 4 คน มาสอบสวนด้วย เพราะอาจเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ทางกองปราบปรามได้เข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างที่มีประมาณ 80 ตัว เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายระหว่างอยู่ในห้าง ซึ่งการทำงานคืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า ซึ่งจะมีรถคันอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสืบสวน
จ่อเรียกสอบ“แท็กซี่”หน้าห้าง
วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ได้เรียกหัวหน้า รปภ.ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล มาสอบปากคำด้วย ซึ่งให้การว่ารถกระบะคันเกิดเหตุได้ขับเข้ามาทางประตู 2 ด้านฝั่งตรงข้ามกับพรุเฉวง เมื่อเวลา 20.29 น.แล้วขับเลี้ยววนเข้าไปจอดด้านในช่องว่าง ระหว่างที่จอดรถจักรยานยนต์กับอาคารลิฟท์ที่ 1 ตรงบริเวณต้นเสาที่ G 23 และคนต้องสงสัยที่สวมเสื้อสีน้ำเงินได้เดินออกไปทันที โดยได้ยินคนพูดกันว่าออกไปโบกเรียกรถแท็กซี่ที่หน้าห้าง ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครทันสังเกตว่าชายคนนั้นไปทางไหน โดยพนักงานสอบสวนจะได้ติดตามเรียกแท็กซี่คันที่อยู่จอดบริเวณหน้าห้างที่ใกล้กับจุดที่ชายชุดน้ำเงินเดินออกมา เพื่อสอบถามว่าชายชุดน้ำเงินหลบหนีไปเส้นทางใด
ค้นบ้าน 3 รปภ.พบสารบึ้ม
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าชุดคลี่คลายคดีได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ รปภ.ที่ถูกควบคุมตัวไว้ เพราะพบพิรุธระหว่างสอบปากคำทั้ง 3 คน ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ได้หลักฐานบางส่วนที่เชื่อว่าอาจเป็นส่วนผสมของการประกอบวัตถุระเบิด และได้มอบให้เจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบแล้ว ขณะเดียวกันได้ประสานขอสุนัขดมกลิ่นเพื่อพิสูจน์ว่าหลักฐานที่ได้ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับการก่อเหตุหรือไม่ พร้อมเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ.ของ รปภ.ทั้ง 3 คนไปตรวจสอบความเชื่อมโยงกัน โดยจะทราบผลภายใน 2-3 วันข้างหน้า
ทั้งนี้ มีรายงานว่า รปภ.ทั้ง 3 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ บนยอดเขาป้อม หมู่ 1 ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารอากาศคุมเข้มอย่างเข้มงวด
ล็อคตัวอีก 1 รปภ.ส่อพิรุธ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ชุดคลี่คลายคดีภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.) สุราษฎร์ธานี ได้นำโทรศัพท์มือถือของ รปภ.และผู้เกี่ยวข้องประมาณ 20 เครื่อง ไปตรวจสอบการใช้งานเพื่อหาความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ จนนำมาซึ่งการส่งตัว รปภ. 3 คน ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ทหารนำตัวไปสอบสวน และพบว่า 1 ใน 3 คนได้เปลี่ยนไปประจำที่ลานจอดรถ ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ
นอกจากนี้ฝ่ายความมั่นคงของทหารกองทัพภาคที่ 4 ยังควบคุมตัว รปภ.ของห้างที่ต้องสงสัยไว้เพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 4 คนไปสอบปากคำที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เกาะสมุย เพื่อขยายผลว่าพัวพันกับเหตุระเบิดจริงหรือไม่ ซึ่งมีรายงานว่าอาจมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ แต่ยังไม่ระบุชัดว่ามาจากกลุ่มไหน
ควานหาตัวคนซื้อตั๋วเรือ
นอกจากนี้ชุดคลี่คลายคดียังตรวจสอบภาพรถยนต์กระบะคันที่ถูกใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งปรากฏในกล้องวงจรปิดของท่าเทียบเรือ บริษัท ราชาเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบกับภาพรถต้องสงสัย 2 คันที่ขับตามกันเข้ามาที่ท่าเรือ ก่อนข้ามไปที่เกาะสมุย โดยที่รถคันดังกล่าวมีการซื้อตั๋วไป-กลับ 1 คัน ซึ่งชุดคลี่คลายคดีตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่ซื้อตั๋วเรือไป-กลับจะต้องเกี่ยวโยงกับคนในพื้นที่ และพากลุ่มคนร้ายไปดูลาดเลา ก่อนจะก่อเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างนำภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดไปเปรียบเทียบกับภาพผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวไว้ว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งสืบสวนว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าวนั้น หลังจากขึ้นฝั่ง อ.เกาะสมุย แล้วไปยังจุดใดต่อไปก่อนจะถูกนำไปใช้ก่อเหตุ
พิรุธกลุ่มการเมืองรู้ล่วงหน้า
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ขณะนี้เจ้าหน้าที่มุ่งเน้นน้ำหนักไปที่ประเด็นการก่อความไม่สงบเพื่อหวังผลทางการเมือง เนื่องพบความผิดปกติที่เหตุการณ์ครั้งนี้มีกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มทราบว่าจะเกิดเหตุ โดยคาดว่าเป็นการจ้างวานผู้ที่มีความชำนาญในการประกอบระเบิด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้ และจากพยานหลักฐานที่มีในขณะนี้ยังไม่สามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้
ส่วนนายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือเอ็ม บางใหญ่ หรือ “เอ็ม เสื้อแดง” ที่มีการโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียขณะนี้ยังอยู่ในอำนาจการควบคุมตัวของทหาร เบื้องต้นนายนรินทร์ อาจไม่ถึงกับเกี่ยวข้องเชื่อมโยง แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะทำไปสืบสวนขยายผลต่อ เพราะพบว่ามีกลุ่มคนที่เอาเพจของเขาไปใช้งาน
“ประวุฒิ”คาดไม่เกี่ยวไฟใต้ลาม
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า ที่ไม่ให้น้ำหนักไปที่ประเด็นความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากนัก เพราะไม่ใช่การขยายพื้นที่ก่อเหตุ เนื่องจาก จ.สุราษฎร์ธานี ไม่ใช่พื้นที่เป้าหมาย และเป็นพื้นที่ที่อยู่ไกลจาก 3 จังหวัดชายแดน ส่วนประเด็นรถกระบะที่ถูกขโมยจากพื้นที่ จ.ยะลา มองว่ามีน้ำหนักน้อย เนื่องจากรถที่ใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่ก็ถูกขโมยมาจากจังหวัดอื่นๆเช่นกัน ส่วนประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวนั้นได้มีการเรียก รปภ.ที่ถูกไล่ออกมาสอบปากคำ พบว่า ไม่มีน้ำหนัก เนื่องจากผู้ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไม่ได้ทำผิดร้ายแรง รวมถึงได้งานใหม่ที่ดีกว่า จึงไม่น่าเป็นสาเหตุให้ก่อเหตุได้
ส่วนเหตุไฟไหม้ร้านค้าสหกรณ์สุราษฎร์ธานี หรือ “โค-ออป” อ.พุนพิน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพิ่งเข้าตรวจสอบพื้นที่ได้ เนื่องจากยังมีความร้อนสูง จึงต้องรอผลการตรวจสอบ แต่จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุให้การสอดคล้องกันว่าภายในสหกรณ์ไม่มีใครเข้าไปในโกดังได้ และต้นเพลิงเกิดจากด้านใน
ย้าย“ผกก.บ่อผุด”เหตุไม่คล่องตัว
พล.ต.ท.ประวุฒิ ยืนยันว่า การโยกย้าย พ.ต.อ.เทเวศน์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย เพราะไม่มีความคล่องตัวในการทำงาน จึงให้ พ.ต.อ.สมาน ชัยณงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ไปรักษาการแทน โดยยืนยันว่าไม่ได้ถูกชี้นำจากฝ่ายทหารหรือรัฐบาล พนักงานสอบสวนทำหน้าที่ตามพยานหลักฐานที่มี
ด้าน พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภ.8 กล่าวว่า การย้าย พ.ต.อ.เทเวศน์ ไปดำรงตำแหน่ง ผกก.อก.ภ.จว.ชุมพร เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน เป็นการย้ายไปตามสถานการณ์ เพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น หลังจากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ไม่ได้ย้ายขาดออกจากพื้นที่
“ไก่อู”ย้ำบึ้มสมุยโยงขั้วอำนาจเก่า
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำอีกครั้งว่า จากการสืบสวนขยายผลและตรวจสอบหลักฐานคดี “คาร์บอมบ์” ในหลายจุดพบข้อมูลน่าเชื่อได้ว่ามีการจัดฉาก หรือสนับสนุนให้มีการขโมยรถยนต์จากพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา มาใช้ก่อเหตุ วิธีการปล้นรถแตกต่างจากเหตุการณ์จริงที่มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่คนร้ายใช้มัด และควบคุมตัวผู้ขับรถก่อนขโมยรถหลบหนีไปก็มีความเกี่ยวเนื่องกับสภาพแวดล้อมใกล้ชิดกับเจ้าของรถ จนน่าเชื่อได้ว่าบุคคลแวดล้อมน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับผู้ก่อเหตุ เพื่อหวังให้มีการเชื่อมโยงว่าผู้ก่อเหตุมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
“เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังเชื่อมั่นในข้อมูลว่าการก่อเหตุเป็นบงการของกลุ่มการเมืองอำนาจเก่า ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ แต่เบี่ยงเบนประเด็นให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับเหตุใน 3 จังหวัด ซึ่งมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่หลงประเด็นอย่างแน่นอน” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี