"โมโนเรล" หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ผลงานผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะเกิดได้ในสมัยนี้หรือไม่ คนกรุงเทพฯ เฝ้าติดตามมาต่อเนื่อง ภายหลังที่ได้มีการเปิดตัว “โมโนเรล” สายสีเทา ไปเมื่อช่วงปลายปี 2557 พร้อมแนวความคิดที่ว่า “มาช่วยกันเปลี่ยนกรุงเทพฯ จากเมืองแห่งรถยนต์ให้กลายเป็นเมืองของผู้คน เพื่อก้าวไปสู่การเป็นมหานครแห่งความสุข”เพื่อหวังเป็นอีกหนึ่งหนทางการเลือกแก้ปัญหาการจราจรเมืองหลวง และเรื่องนี้กำลังเป็นคำถามพอประมาณว่าตกลงคนเมืองหลวงจะได้สัมผัสเมื่อไหร่
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องนี้ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยที่กรุงเทพมหานครเร่งหาทางแก้ปัญหาการจราจร อาจจะมีความเป็นห่วงบ้างเกี่ยวกับนเรื่องของแนวเส้นทางแต่ไม่มาก เนื่องจากโมโนเรลมีผลกระทบกับประชาชนค่อนข้างน้อย เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนแล้วก็จะทำรายงานสรุป พร้อมดำเนินการรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา คาดว่าขั้นตอนนี้จะใช้เวลาอีก 6 เดือนโดยประมาณ ซึ่งในช่วงที่รอการอนุมัติผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมนี้ ก็จะศึกษารูปแบบการลงทุนโครงการไปพร้อมๆกัน คาดว่าในช่วงปลายปี 2559 จะเริ่มก่อสร้างได้
โดยมีการวางเป้าหมายกำหนดเปิดให้บริการประชาชนในช่วงปลายปี 2562 จะมีผู้โดยสารใช้รวม 1.28 แสนเที่ยวคน/วัน ในปี 2564 ประมาณ 1.80 แสนเที่ยวคน/วัน และปี 2592 จำนวน 2.59 แสนเที่ยวคน/วัน โดยช่วงวัชรพล-ทองหล่อ จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 20.3% ทั้งนี้ได้มีการออกแบบระบบการจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบตั๋วร่วม ซึ่งผู้โดยสารสามารถใช้บริการกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆโดยใช้ตั๋วเพียงใบเดียวเพื่อความสะดวกและปลอดภัย
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น ผู้ที่ติดตามข่าวสารหรือสื่อสารมวลชนอาจจะมีข้อกังวลถึงวิธีการจัดการที่อาจจะส่งผลต่ออัตราค่าโดยสารในอนาคต หากมีการตัดสินใจเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ทั้งนี้ก็มีการหารือไว้ในหลายรูปแบบ ซึ่งก็เตรียมที่จะเสนอให้คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครพิจารณา ในเบื้องต้นแบ่งเป็น 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1.กทม.ลงทุนเอง 2.การร่วมทุนระหว่างกทม.กับภาคเอกชน และ 3.การว่าจ้างให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจของกทม.รับไปดำเนินการ หรืออาจจะจัดตั้งวิสาหกิจของกทม.ขึ้นมาใหม่เพื่อดูแลก็เป็นได้ ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติแล้วเห็นว่าหากดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนน่าจะมีความล่าช้าและเป็นไปได้ยากมากกว่า และยังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ส่งผลให้กทม.กำหนดค่าโดยสารได้ลำบาก
“วางเป้าหมายกำหนดเปิดให้บริการประชาชนในช่วงปลายปี 2562 จะมีผู้โดยสารใช้รวม 1.28 แสนเที่ยวคน/วัน ในปี 2564 ประมาณ 1.80 แสนเที่ยวคน/วัน และปี 2592 จำนวน 2.59 แสนเที่ยวคน/วัน โดยช่วงวัชรพล-ทองหล่อ จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 20.3% ทั้งนี้ได้มีการออกแบบระบบการจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบตั๋วร่วม ซึ่งผู้โดยสารสามารถใช้บริการกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆโดยใช้ตั๋วเพียงใบเดียวเพื่อความสะดวกและปลอดภัย”
ทั้งนี้แนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ กทม.ลงทุนเอง หรือ จ้างวิสาหกิจของ กทม.เข้ามาดำเนินการ อาจจะเป็นกรุงเทพธนาคมหรือจัดตั้งวิสาหกิจขึ้นมาใหม่เลยก็ได้ ซึ่งรูปแบบนี้จะทำให้กรุงเทพมหานครมีส่วนสำคัญในการกำหนดอัตราค่าโดยสาร เล็งเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อาจแตกต่างจากระบบสัมปทานที่เอกชนมีส่วนในการกำหนดราคาเพราะมีตัวแปรเรื่องผลกำไร ความคุ้มทุนเข้ามา แต่กรุงเทพมหานครคิดในลักษณะนั้นไม่ได้เพราะเราต้องยึดการให้บริการประชาชนเป็นหลัก หาทางเลือกให้กับประชาชนในการเดินทาง
นายอมร กล่าวว่า อีกมุมหนึ่งกรุงเทพมหานครมีความพยายามในการปรับศักยภาพของการให้บริการของรถบีอาร์ที แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการ ที่จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยน ส่วนโมโนเรลนั้นมีความแตกต่างจากรถบีอาร์ทีในแง่ผลกระทบด้านการจราจรที่ไม่ต้องแบ่งเส้นทางกับระบบการเดินทางอื่น ทำให้ไม่ติดกับดักการจราจรดังที่รถบีอาร์ทีเป็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยกเลิกรถบีอาร์ทีไปเพราะกว่าจะเริ่มก่อสร้างในเฟสที่ซ้อนทับกันก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีทางเลือกให้ประชาชนในการเดินทางอยู่
อย่างไรก็ตามโครรการเดินรถบีอาร์ทีนั้นยังเหลือระยะเวลาในการดำเนินการอีก 3 ปี ซึ่งจากสถิติพบว่าประชาชนยังคงพึงพอใจในการบริการอยู่ และแม้ว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้แต่ก็มีความนิยมต่อเนื่องก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ประชาชนใช้บริการวันละ 2 หมื่นคน/วัน ค่าโดยสารยังคงอยู่ที่ 5 บาท แน่นอนว่าเรามีแนวทางในการพัฒนาบีอาร์ทีให้สามารถตอบสนองประชาชนได้มากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันยังคงติดปัญหาด้านการจราจรที่ต้องใช้ช่องทางร่วมกับรถอื่น กรุงเทพมหานครจึงพยายามหาแนวทางปรับปรุงยกระดับเพื่อตอบโจทย์ประชาชนให้มากขึ้น โดยอาจจะยกระดับให้เป็นรถไฟฟ้าแบบ Automated Guideway Transit (AGT)ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ขับรถ (Automated Unmanned Operation) รถจะวิ่งด้วยระบบอาณัติสัญญาณแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้าชนิดที่ใช้ล้อยาง วิ่งบนทางวิ่งคอนกรีตหรือทางวิ่งที่เป็นเหล็กก็ได้ หรือโมโนเรล ซึ่งก็จะสอดคล้องกับโมโนเรลสายสีเทา จะทำให้สามารถขยายเส้นทางได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
ด้านนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กล่าวว่า หลังจาก กทม.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนแล้ว จะยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในระหว่างที่รอการอนุมัติ EIA จะศึกษารูปแบบการลงทุนโครงการไปด้วย ซึ่งจะใช้วิธีการใดนั้นจำเป็นจะต้องนำเสนอเหตุผล ข้อดีข้อเสียทุกประการเพื่อประกอบการพิจารณาแก่คณะผู้บริหาร รวมถึงแผนการบริหารจัดการโครงการทั้งระบบเพราะโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการลงทุนไม่น้อย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว โมโนเรลสายสีเทา มีจุดเริ่มต้นที่สถานีวัชรพลและสิ้นสุดที่สถานีท่าพระ มีจำนวน 39 สถานี รวมระยะทาง 39.91 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มจากถนนรามอินทรา ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลียบทางพิเศษฉลองรัช เข้าสู่ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ สุขุมวิท เข้าถนนพระราม 4 ตลาดคลองเตย ถนนสาทร ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เลี้ยวเข้าถนนพระราม 3 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 3 ผ่านสี่แยกมไหสวรรค์ เข้าสู่ถนนรัชดาภิเษก ไปสิ้นสุดที่แยกท่าพระ
โดยที่ปรึกษาโครงการได้สรุปผลการศึกษา แบ่งเป็น 3 ช่วงดำเนินการ ในช่วงแรก คือ ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16.25 กิโลเมตร จำนวน 15 สถานี งบประมาณการก่อสร้าง 24,000 ล้านบาท มีขบวนรถไฟ 3 ตู้ ช่วงที่ 2 พระโขนง-พระราม 3 ระยะทาง 12.17 กม. จำนวน 15 สถานี งบประมาณการก่อสร้าง 15,000 ล้านบาท และช่วงที่ 3 พระราม 3-ท่าพระ ระยะทาง 11.49 กม. จำนวน 9 สถานี งบประมาณการก่อสร้าง 18,000 ล้านบาท รวมเงินลงทุนทั้งหมด 57,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีเทา ช่วงวัชรพล-สะพานพระราม 9-ท่าพระ จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากผ่านการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ และทำให้คนกรุงเทพฯ จะได้ใช้โมโนเรลสายแรกนี้ในอีก 6 ปีข้างหน้า แม้ว่าระบบนี้จะเป็นเพียงเส้นทางโครงข่ายสายรอง แต่ก็อยู่ในเส้นทางตามแนวเหนือ-ใต้ ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ เช่น สายสีส้ม , สายสีเขียว ,สายสีแดงอ่อน , สายสีน้ำเงิน รวมทั้งสายสีชมพู และสายสีเหลือง จะทำให้ในอนาตคการเดินทางของประชาชนสะดวกมากขึ้น ถ้าเกิดได้ก็จะถือเป็นผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันของผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ ก็ว่าได้
พรสวรรค์ จรเจริญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี