จังหวัดราชบุรีได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองเกษตรสีเขียว 1 ใน 6 จังหวัดของประเทศ อยู่อันดับต้นๆ ที่มีการปลูกพืชผักผลไม้ส่งจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ ทำให้บางพื้นที่ได้เร่งปรับปรุง และพัฒนาจากความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีการส่งเสริมต่อยอดจากท้องถิ่นสู่ระดับจังหวัด เริ่มเป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไปแล้ว
ที่ตำบลอ่างหิน อำเภอปากท่อ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ทางจังหวัดประกาศเป็นภัยพิบัติประสบปัญหาภัยแล้ง แต่ยังคงมีเกษตรกลุ่มหนึ่งไม่สิ้นหวัง พยายามที่จะหาพืชผักผลไม้ ที่สามารถทนกับสภาพอากาศและดินที่แห้งแล้งมาทดลองปลูก หลังนำดินไปตรวจวิเคราะห์ว่าพื้นที่แห่งนี้ควรปลูกพืชผลชนิดไหนได้บ้าง
ในที่สุดก็มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่ชอบดินทราย ค่อนข้างทนแห้งอย่างแคนตาลูป ซึ่งเป็นผลไม้ที่ฟังชื่อแล้วอาจไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่ขณะนี้พื้นที่ตำบลอ่างหินได้ทดลองปลูกแคนตาลูปหรือ ( GOLDEN LADY ) หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า “ไข่ทองคำ” และ เมล่อน กว่า 100 ไร่ ได้ประสบความสำเร็จแล้วโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ในแนวเกษตรเชิงชีวภาพผสมผสานเข้าด้วยกัน
นายธีรเกียรติ ทะแพงพันธ์ เกษตรกรผู้ปลูกแคนตาลูป เปิดเผยผลสำเร็จว่า แคนตาลูปพันธุ์สีทอง ร่วมไปถึง เมล่อน และแตงโมไร้เมล็ด เป็นผลไม้ที่ชอบอากาศร้อน ชอบดินทราย พื้นที่แถบนี้มีความเหมาะสม หลังจากที่ได้ตรวจสอบสภาพดิน อาศัยเทคนิคในการปลูกสมัยใหม่เข้ามาใช้ ทั้งเรื่องระบบน้ำ การให้ปุ๋ย และใช้เรื่องชีวภาพเข้ามาเสริมเพื่อจะให้เป็นผลไม้ปลอดสารพิษ
โดยการปลูกมีทั้งปลูกในโรงเรือน เพื่อควบคุมป้องกันศัตรูพืช ควบคุมคุณภาพผลผลิต และปลูกแบบนอกโรงเรือนในบางฤดู เพื่อการประหยัดต้นทุน โดยแบ่งการปลูกคือ ปลูกแคนตาลูป 35 ไร่ แตงโมไร้เมล็ด และเมล่อน 100 ไร่ แบ่งเป็นรุ่นเพื่อให้ผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเก็บขายได้ตลอดทั้งปี ผลผลิตแคนตาลูปประมาณ 3 ตัน ต่อ 1 อาทิตย์ ส่วนเมล่อน ปลูกในโรงเรือนผลผลิตใกล้ออกสู่ตลาด มีรสชาติความหวานกรอบในระดับ 13 บริกส์
สำหรับพื้นที่นี้สามารถเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีได้ เพราะเป็นเส้นทางผ่านไปอำเภอสวนผึ้ง โดยก่อนเข้าตัวอำเภอสามารถแวะเข้ามาเยี่ยมชมแปลงเกษตรสมัยใหม่ได้ตลอด เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เนื่องจากตำบลอ่างหิน มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรชีวภาพ สามารถเชื่อมโยงกับแปลงเกษตรอินทรีย์ ศูนย์เรียนรู้การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และแปลงมะม่วงในท้องถิ่นได้ครบวงจร
มีองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ เข้ามาดูเทคนิคการผลิตการปลูกเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำหยด การเตรียมดิน เทคนิคการใช้น้ำหมักชีวภาพ ที่ไร่จะเก็บผลเสียของแคนตาลูปไปใส่ถังหมักเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพฉีดแปลงแคนตาลูป เพื่อเป็นฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต สามารถทำให้ศัตรูพืชไม่สามารถทำร้ายพืชผักผลไม้ที่ปลูกได้ด้วย สำหรับการปลูกแบบในโรงเรือนใช้การให้ปุ๋ย และรดน้ำในแบบระบบน้ำหยด ประมาณ 63 วัน จึงสามารถเก็บผลผลิตได้ มีน้ำหนัก 1 ผล ประมาณ 1 กิโลกรัมเศษ ขายหน้าไร่กิโลกรัมละ 40 บาท แต่หากขายตามแหล่งท่องเที่ยวราคากิโลกรัมละ 45 บาท
ด้านการตลาดมี 2 ระดับ ทั้งตลาดในชุมชน และวางจำหน่ายตามจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ ส่วนตลาดต่างจังหวัดได้ส่งห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพราะผลผลิตแคนตาลูปมีคุณภาพผ่านการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP จึงสามารถส่งตามห้างสรรพสินค้าได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างการขยายช่องทาง นำไปสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ในอนาคต
วันหยุดเทศกาลปีนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถแวะชิมพร้อมซื้อกลับไปรับประทานได้ตลอด รับรองว่าจะต้องติดใจในรสชาติที่หวานกรอบสดๆ จากไร่ เป็นของดีราชบุรีน้องใหม่ที่ต้องห้าม… พลาดเลยทีเดียว
สำหรับผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวชม หรือศึกษาแปลงปลูกได้ที่บริเวณริมถนนสายน้ำพุ - บ้านห้วยต้นห้าง ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็งด้านทางทิศใต้ เห็นได้ทั้งซ้าย - ขวา ซึ่งเหลืองอร่ามไปด้วยแคนตาลูปที่แขวนห้อยระย้าอยู่กับเถา
สิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี