ชุดสืบสวน “คดีคาร์บอมบ์” ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ล็อคตัวครูอัตราจ้างของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ไปทำการสอบสวน หลังพบหลักฐานว่าอาจรู้เห็นกับการปล้นรถยนต์ไปก่อเหตุคาร์บอมบ์
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 เมษายน ว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมนายซาบีดี สาและบิง อายุ 33 ปี ผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นครูอัตราจ้างของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และนายอับดุลลาซะ ดูมีแด พนักงานขับรถองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา หลังพบว่าทั้ง 2 คนมีความเชื่อมโยงคดี ขณะนี้อยู่ในความควบคุมของทหารตามกฎอัยการศึก ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.) 3 คน ยังถูกควบคุมตัวต่อ และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบรถต้องสงสัยทั้งสิ้น 4 คัน แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้
ล็อคครูปัตตานีโยง“คาร์บอมบ์”
รายงานข่าวจาก จ.ยะลา แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน และตำรวจ สภ.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 13/1 หมู่ 7 บ้านกาโต๊ะ ต.ปะแต ซึ่งเป็นบ้านเป้าหมายตามหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงต่อกรณีเหตุปล้นรถยนต์กระบะของ อบต.ละแอ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะถูกนำไปประกอบระเบิดที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเก็บสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ นายซาบีดี พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน และสิ่งของเพื่อตรวจสอบหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือ , รถยนต์กระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน กค 7056 ยะลา , เอกสารใบส่งซ่อมรถยนต์อีซูซุ Micro SD 2 รายการ เป็นต้น ก่อนเชิญตัวนายซาบีดี ไปซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตามกฎอัยการศึก
ส่อรวมหัวปล้นรถคันก่อเหตุ
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรอง เปิดเผยว่า จากการซักถามนายซาบีดี ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการปล้นรถยนต์กระบะของ อบต.ละแอ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายนายอับดุลลาซะ ดูมีแด ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และแจ้งความเท็จ โดยการควบคุมตัวนายซาบีดี มาจากการตรวจสอบซิมโทรศัพท์ของนายอับดุลลาซะ ก่อนที่จะถูกปล้นรถยนต์กระบะ และก่อนถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งในบรรดารายชื่อในโทรศัพท์ที่มีการติดต่อกัน เจ้าหน้าที่สงสัยว่านายซาบีดี อาจมีส่วนร่วมในการวางแผนนำรถยนต์กระบะไปทำคาร์บอมบ์ แล้วแจ้งว่าถูกปล้น
คดีพลิก!ปัดคุมตัว“บังยี”
อีกด้านหนึ่ง ภายหลังมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายอับดุลรอซะ หรือ “บังยี” เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองในพื้นที่ ต.สะเตง จ.ยะลา ไปควบคุมตัวไว้ในค่ายทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสอบสวน หลังมีข้อมูลอ้างว่านายอับดุลรอซะ เป็นผู้ซื้อรถยนต์ทั้ง 4 คันที่ใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ ผ่านทาง “เสี่ยไก่” เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ผบช.ศชต.) ยืนยันว่า ไม่ได้ทำการควบคุมตัว “บังยี” และไม่มีข้อมูลว่ามีการควบคุมตัวเจ้าของเต็นท์รถดังกล่าวแต่อย่างใด
ที่แท้เป็นพนักงานขับรถสปก.
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ตามข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมตัว “บังยี” แต่เป็นนายอับดุลรอนิง ดือราแม อายุ 51 ปี ซึ่งถูกควบคุมตัวจากบ้านพักที่ถนนปากน้ำ ต.สะบารัง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ไปควบคุมตัวไว้ที่กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เนื่องจากมีข้อมูลว่าเป็นผู้ซื้อรถยนต์ต้องสงสัยที่ใช้ในการทำคาร์บอมบ์ มาจากเต็นท์รถยนต์มือสองใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งจากการสอบสวนนายอับดุลรอนิง ปฏิเสธว่าไม่ใช่ “บังยี” และไม่มีเต็นท์รถยนต์มือสอง แต่เป็นพนักงานขับรถของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.) จ.ปัตตานี และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ
พบเคยถูกตั้งข้อหาเอี่ยวบึ้ม
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายอับดุลรอนิง พบว่าเมื่อปี 2551 เคยถูกหน่วยงานความมั่นคงตั้งข้อหาว่ามีส่วนร่วมในการวางระเบิดในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองปัตตานี แต่สามารถสู้คดีจนพ้นความผิดในชั้นศาล และเคยเป็นประธานชุมชนบอติง ต.สะบารัง เทศบาลเมืองปัตตานี ไม่ได้เปิดเต็นท์รถ แต่ใช้เวลาว่างหารถยนต์มือสองให้กับผู้ต้องการใช้บ้างเป็นครั้งคราว
ขณะที่ภรรยาของนายอับดุลรอนิง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ามาควบคุมตัวสามีโดยไม่ได้แจ้งข้อหา และนำตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ซึ่งตนเชื่อว่าสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ และที่สำคัญสามีไม่มีมีชื่อว่า “บังยี” แต่คนที่รู้จักเรียกชื่อเล่นว่า “แบดิง” จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข่าวให้ชัดเจนว่า “บังยี” กับสามีตนเป็นคนเดียวกันหรือไม่
รวบ“แบยา”เจ้าของอู่ส่อรู้เห็น
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบเต็นท์รถยนต์มือสอง และอู่รถยนต์ 5 แห่งใน อ.มายอ จ.ปัตตานี เพื่อหาเบาะแสของรถยนต์อีก 3 คันที่อยู่ในกลุ่มของรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ พร้อมนำตัวเจ้าของอู่รถยนต์ผู้หนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อ “แบยา” ไปสอบสวน เนื่องจากสงสัยว่าอาจจะรู้เบาะแสของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ
ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ปูพรมเข้าตรวจค้นเต็นท์รถยนต์มือสอง และอู่รถยนต์ในพื้นที่รอยต่อ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ทำให้เจ้าของเต็นท์และอู่รถยนต์จำนวนมากต่างปิดเต็นท์และอู่รถยนต์หลบออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพราะเกรงจะถูกตรวจค้นและจับกุมในข้อหาอื่นๆ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเต็นท์และอู่เถื่อนที่ไม่มีอนุญาต และหลายแห่งพัวพันกับการรับจำนำ ซื้อ-ขายรถเถื่อน รวมทั้งยาเสพติด
แม่ทัพ4ปัดคุมตัวนักการเมือง
ด้าน พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า(ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าได้มีการควบคุมตัว 2 อดีตนักการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาให้ข้อเท็จจริง เพราะต้องสงสัยว่าเป็นผู้บงการเหตุคาร์บอมบ์นั้น ยืนยันว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยใดเข้าควบคุมตัว หรือเชิญอดีตนักการเมืองมาให้ข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงไปถึง ทั้งหมดเป็นการปล่อยข่าวเพื่อทำลายและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เป็นการใช่ช่องทางโชเชียลมีเดียของฝ่ายที่ไม่หวังดี เพื่อสร้างความสับสนและความแตกแยก
ขณะที่อดีตนักการเมืองรายหนึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า มีความพยายามเชื่อมโยงเหตุคาร์บอมบ์ให้เป็นเรื่องของการเมือง ทั้งๆที่มีแนวโน้มจะเป็นเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งพวกตนที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้บงการจะรอความชัดเจน และไม่หลบหนี ถ้าเจ้าหน้าที่มีหลักฐานก็พร้อมสู้คดี โดยไม่หวั่นกับการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งต้องขึ้นศาลทหาร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี