รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์อนุมัติ180 ล้านบาท พัฒนาเกษตรบรรเทาภัยแร้ง
วันพุธ ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558, 14.17 น.
Tag :
วันที่ 22 เม.ย. 58 ที่ห้องประชุมบัวชมพู โรงเรียนอนุบาลบุรีรัมย์ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นายเฉลิมพล พลวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดการประชุมการจัดทำบันทึกข้อตกลงการขอรับเงินอุดหนุน และพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง พร้อมกับรับเงินไปดำเนินงานตามโครงการ
โดยมีคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ระดับจังหวัด หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าฝ่าย เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัด ประธานและผู้แทนศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล เข้าร่วม จำนวนทั้งสิ้น 550 คน
ทั้งนี้ ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับมอบหมายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2558 มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชนเกษตรในช่วงฤดูแล้ง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของชุมชนเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากภัยแล้งในระยะยาว โดยให้ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล เป็นตัวแทนของชุมชน กลุ่ม องค์กรเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรม
โดยจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่เป้าหมาย การดำเนินงานโครงการฯ 180 ตำบล วงเงิน 180 ล้านบาท ผลการดำเนินงานทุกตำบลได้จัดทำโครงการเสนอผ่านคณะกรรมการบริหารโครงการในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับกระทรวงแล้ว รวมทั้งสิ้น 343 โครงการ วงเงิน 178.98 ล้านบาท สำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณ และศูนย์บริการฯ ได้รับเงินสนับสนุนไปแล้ว จำนวน 11 โครงการ วงเงิน 7.6 ล้านบาท
และในวันนี้มีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อรับเงินสนับสนุนโครงการ จำนวน 329 โครงการ 173 ศูนย์บริการฯ ในพื้นที่ 23 อำเภอ วงเงินสนับสนุน รวมทั้งสิ้น จำนวน 170,416,994 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ปุ๋ย ลานตากพืชผลการเกษตร ทำการประมง ปศุสัตว์ ตั้งกลุ่มอาชีพ ทอผ้า เป็นต้น
นายเฉลิมพล พลวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับอนุมัติงบประมาณตามโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ถึง 180 ตำบล จาก 188 ตำบล 343 โครงการ วงเงิน 178.98 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณจำนวนมาก แต่ทำอย่างไรจะใช้เงินจำนวนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพราะเงินทุกบาทคือภาษีของพวกเราทุกๆคน ดังนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายได้ช่วยกันกำกับดูแลเพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอให้ใช้ B-CM ในการขับเคลื่อนโครงการ โดยเริ่มต้นจาก กม. ภายใต้การสนับสนุนจากนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาและสุดท้ายต้องให้ กม. ดูแลรักษาให้เกิดความยั่งยืนและเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ให้สามารถดำเนินการได้ทันทีหลังจากได้รับงบประมาณ