“สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด” ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบธุรกิจสหกรณ์ ประเภทการเกษตร ด้านระบบการบริหารงาน และการดำเนินธุรกิจในระบบและรูปแบบสหกรณ์ แหล่งเรียนรู้ของข้าราชการของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และแหล่งเรียนรู้สำหรับสหกรณ์ต่างๆ ทั่วประเทศ แบบอย่างแหล่งเรียนรู้ ให้ผู้มาเยือนได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบส่งเสริมสหกรณ์และใช้ในการบริหารงานสหกรณ์
สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด มีการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจร และเป็นต้นแบบธุรกิจต่างๆ ของสหกรณ์ ตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเริ่มต้นจากสมาชิกจะมีส่วนร่วมมือทุกด้าน ตั้งแต่การกู้เงินลงทุน การปลูกข้าว การปลูกมันสำปะหลัง การปลูกอ้อย การส่งเสริมการออม และมีการบริหารเงินออมทรัพย์ภายในกลุ่มสมาชิก ที่เรียกว่า เงินฝากกระบอกไม้ไผ่ เป็นต้นแบบในการบริหารการเงินระดับกลุ่มในกลุ่มสมาชิกก็จะเลือกตั้งคณะกรรมการระดับกลุ่มเพื่อบริหารการเงิน
โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นแหล่งเงินกู้ในยามฉุกเฉินและเป็นเงินทุนในการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ นำเงินส่วนนี้หมุนเวียนชำระหนี้เงินกู้ให้กับสหกรณ์ หากสมาชิกมีปัญหายังไม่สามารถส่งชำระหนี้กับสหกรณ์ได้ เป็นต้นแบบในการออมทรัพย์เพื่อกลุ่มสมาชิก ซึ่งสมาชิกทุกคนจะฝากวันละ 1 บาทเท่านั้นเอง ปัจจุบันเงินฝากประเภทนี้บางกลุ่มมีเงินฝากจำนวนล้านกว่าบาทเลยทีเดียว ในด้านต้นทุนการผลิตสหกรณ์ได้ทำธุรกิจจัดหาสินค้าการเกษตรมาจำหน่ายให้กับสมาชิก เช่น ปุ๋ย วัสดุการเกษตรต่างๆ มีปั๊มน้ำมันบริการสมาชิก และที่พิเศษกว่าคือ สหกรณ์ได้มีโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อจำหน่ายให้สมาชิกเอง ในการด้านธุรกิจสินเชื่อ สหกรณ์มีการจ่ายเงินกู้ทั้งประเภทปานกลาง และระยะสั้น จ่ายเงินกู้ระหว่างปี 581 ล้านบาท ผลการดำเนินงานได้รับชำระจากสมาชิกกว่า 467 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80.37 ของต้นเงิน
นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ สหกรณ์พิมาย เป็นสหกรณ์ที่ค่อนข้างใหญ่มีสมาชิกประมาณ 80% ของประชากรที่เป็นเกษตรกรทั้งหมด ในอำเภอพิมาย และก่อตั้งมา 40 กว่าปี ผลประกอบการที่ดี เคยได้รับโล่พระราชทานสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติมาแล้ว จุดแข็งคือการร่วมมือร่วมใจของสมาชิกอย่างเหนียวแน่น และทำธุรกิจครบวงจรในการให้สินเชื่อ ในการรวบรวมผลิตผล การรับฝากเงิน และการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากจะเห็นสหกรณ์ในประเทศไทย เป็นเหมือนที่พิมาย และให้สหกรณ์นี้เป็นศูนย์เรียนรู้และขยายผลมากขึ้น เราแจ้งไปทุกจังหวัดว่าจะเปิดศูนย์เรียนรู้การสหกรณ์ทุกจังหวัด และพอเราได้กลุ่มเป้าหมายแล้วก็จะเชิญกรรมการหรือผู้จัดการสหกรณ์มาทำความเข้าใจว่าเราจะเป็นศูนย์เรียนรู้การสหกรณ์ในจังหวัดนั้นได้อย่างไร วิธีการดำเนินการเป็นอย่างไรบ้าง การจัดการบรรยาย การให้มีฐานการเรียนรู้ คนสามารถมาเรียนรู้ภายใน 3 ชม.จะทำอย่างไรบ้าง จากนั้นก็จะเชิญชวนกรรมการสหกรณ์ หรือนักเรียนในจังหวัดนั้นเข้ามาดูงานในศูนย์เรียนรู้ อันนี้ก็เป็นการตอบสนองขยายผล ที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เห็นว่าสหกรณ์นี้เข้มแข็ง” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ศูนย์เรียนรู้ทั้งหมดเป็นสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งมาแล้ว บางสหกรณ์ได้รับโล่พระราชทานสหกรณ์ดีเด่นระดับประเทศ บางสหกรณ์อาจจะเป็นระดับภาค ระดับจังหวัด หรือบางสหกรณ์อาจจะไม่ได้รับเลย แต่มีผลประกอบการดีมีความเข้มแข็งในบางด้าน บางแห่งก็เก่งเรื่องสินเชื่อการรวบรวมผลผลิต ก็จะเป็นศูนย์เรียนรู้ในจังหวัดนั้นที่จะทำขึ้นมา คิดว่าเดือน พ.ค.จะเปิดได้ทั้งประเทศ 180 กว่าแห่ง ที่จะเหมือนรูปแบบเดียวกับพิมาย จะมีการดำเนินงานที่คล้ายกัน และก็มีความเข้มแข็งใกล้เคียงกันมากน้อยก็อาจจะแตกต่างกันบ้างในแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่ แต่ก็จะเป็นสหกรณ์ที่ความเข้มแข็งในแต่ละจังหวัดนั้นก็เป็นศูนย์เรียนรู้การสหกรณ์ในทุกจังหวัด
“คาดว่า เดือนพฤษภาคม 2558 นี้ หลังจากเปิดแล้ว พี่น้องประชาชน หรือพี่น้องที่สนใจเรื่องระบบสหกรณ์ รวมทั้งนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่อำเภอนั้นๆ จังหวัดนั้นๆ หรือถ้าเรามีโอกาสไปทัศนศึกษาจากจังหวัดอื่นๆ ก็จะมีแหล่งเรียนรู้ที่เป็นวิชาการของสหกรณ์ในทุกจังหวัดก็สามารถที่จะเข้าไปศึกษาดูงานในศูนย์เรียนรู้ได้ ในเวลาที่มีจำกัด และต้องการเรียนรู้เรื่องสหกรณ์ต่างๆ ก็สามารถเข้าไปได้ทุกจังหวัดที่มีศูนย์เรียนรู้นั้น ก็เชิญชวนนะครับ ก็จะเป็นแหล่งการศึกษาอีกแห่งหนึ่ง หรือสถาบันการศึกษาเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งในการที่จะเรียนรู้เรื่องสหกรณ์ หลักการวิธีการ อุดมการณ์สหกรณ์ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง”อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี