ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้จัดตั้งให้ จ.น่าน เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทำให้ชุมชนต่างๆ ต้องมีการพัฒนาเพื่อยกระดับชุมชนของตนเอง โดยสามารถบริหารจัดการและพัฒนาสิ่งที่ชาวบ้านทำกันอย่างเป็นปกติให้มีคุณค่าต่อตนเองและสังคม รวมถึงสามารถจัดสรรทรัพยากรต่างๆให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เข้ามาดำเนินการประสาน ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อพท. ได้จัดกิจกรรม “Opinion Leader ผู้นำทางความคิดปีที่ 3 ณ พื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน โดยมี ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ ผู้อำนวยการสำนักบริหารยุทธศาสตร์ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการนำร่องเรื่องการท่องเที่ยวในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาคุณค่าของวิถีชีวิต วัฒนธรรม มรดกทางศิลปะที่ดีงาม ให้คงแก่คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ถึงวิวัฒนาการของบรรพบุรุษในยุคก่อนสืบไป
รวมถึงยังเป็นโอกาสที่ทำให้คนในชุมชนได้เรียนรู้ถึงกระบวนการการจัดการท่องเที่ยวร่วมกัน สามารถสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพหลักในยามว่าง ที่สำคัญคนในชุมชนสามารถใช้การจัดการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนและคนในชุมชนให้เห็นค่าของวัฒนธรรมวิถีชีวิตของตนเอง
โดยสถานที่ที่แนะนำเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ในสมัยโบราณที่สำคัญของเมืองน่าน ตั้งอยู่ที่บ้านสวกพัฒนา หมู่10 ตำบลบ่อสวก อำเภอเมืองน่าน ถูกค้นพบในปี 2547 ตามโครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคเหนือ) และขุดพบเพิ่มเติม เมื่อปี พ.ศ.2542 ที่บริเวณเขตบ้านของ จ.ส.ต.มนัส ติคำ และนางสุนันท์ ติคำ ที่บ้านสวกพัฒนา ตำบลบ่อสวก และพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายจุด
จ.ส.ต.มนัส ติคำ เล่าว่า ได้มีการค้นพบวัตถุโบราณ อาทิ เตาเผาโบราณ ถ้วย ชาม และเครื่องใช้ต่างๆ จากการสันนิษฐาน
พื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นแหล่งผลิตถ้วยชามในสมัยโบราณที่ใหญ่ที่สุด มีอายุราว 600-700 ปี หรือประมาณ พ.ศ.1950-พ.ศ.2050 เตาเผาโบราณที่มีอยู่ในบริเวณพื้นที่บ้านตัวเองนั้น มีทั้งหมด 7 เตา แต่ปัจจุบันขุดไปแล้ว 4 เตา สาเหตุที่ไม่ขุดทั้งหมดนั้น เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ศึกษาและลงมือขุด
โดยตนตั้งใจรักษาเตาเผาโบราณ และเครื่องปั้นดินเผาเหล่านี้ให้คงสภาพไว้เพื่อทำเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา ซึ่งปัจจุบันก็มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาจากหลายมหา’ลัยเดินทางมาศึกษาประวัติความเป็นมาต่างๆ ของเตาเผา รวมถึงเครื่องปั้นดินเผาล้านนาจาก 15 แหล่ง ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีประวัติความเป็นมาที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวิจัยดิน การกำเนิดเตาเผา รวมถึงวัตถุโบราณ โดยให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาลองขุดด้วยตนเอง เพื่อให้เรียนรู้ถึงขั้นตอนการขุดหาวัตถุโบราณ
สำหรับแต่ละเตาเผาเมื่อขุดเสร็จ จ.ส.ต.มนัส จะทำการล้อมรั้วและตั้งชื่อเตา เช่น เตาสุนันท์ เตาจ่ามนัส เตาแสนศรี และเตาชื่นโดยการนำชื่อของคนในบ้านมาตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติเจ้าของบ้าน
นอกจากนั้นบริเวณบ้าน จ.ส.ต.มนัส ยังมีพิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรูปแบบบ้านโบราณของคนบ่อสวก มีการแสดงนิทรรศการการขุดค้นเตาเผา รวมถึงจำลองการจัดบ้าน การดำรงชีพของคนสมัยโบราณ ซึ่งภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน คือ ทรัพยากรทางโบราณคดี เฮือนบ้านฮวกแสนชื่น และวิถีชีวิตของเจ้าของบ้าน
ที่สำคัญได้มีการจัดแสดงภาพการเสด็จฯทัศนศึกษาแหล่งขุดค้นพบเตาเผาโบราณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเซ็นลายพระหัตถ์ลงบนเครื่องภาชนะอีกด้วย
พรนภา แจ่มกระจ่าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี