นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านเรามักรู้จักจังหวัดแพร่ ที่ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งไม้สักทอง เพราะมีการทำไม้สักมากที่สุดของประเทศ ไม่ว่าจะพื้นที่ไหนๆ ตั้งแต่ขุนขอดยอดดอยไปจนถึงสุดเขตแคว้นแดนจังหวัด ก็เต็มไปด้วยไม้สัก นอกจากนั้น แพร่ ยังเป็นเมืองที่มีเพชรเม็ดงามหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปินแห่งชาติ เส้นทางสงครามโลก ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรแม่น้ำ ป่าไม้ รวมถึงวัตถุดิบ แร่ธาตุ เหล็ก ทองคำ ต่างๆ
เมื่อพูดถึงเมืองแห่งไม้สักแล้ว เราขอนำท่านผู้อ่านพบกับความมหัศจรรย์ของสิ่งก่อสร้างอายุราว 100 กว่าที่ใช้ไม้สักเป็นวัตถุ ซึ่งสถานที่แรก คือ พิพิธภัณฑ์บ้านวงศ์บุรี ตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนคำลือ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เดิมเป็นคุ้มเจ้านายเมืองแพร่ในอดีต สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2440 ตามดำริของ “เจ้าแม่บัวถา” ชายาคนแรกในเจ้าหลวงพิริยะชัยเทพวงศ์ ผู้สร้างคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ โดยมอบหมายให้ พ่อเจ้าพรหม หรือ หลวงพงษ์พิบูลย์ และบุตรบุญธรรมของเจ้าแม่บัวถา คือ เจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ธิดาพระยาบุรีรัตน์ ผู้เป็นน้องชายของเจ้าแม่บัวถา เป็นผู้จัดหาช่างชาวจีนมาก่อสร้าง ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 3 ปี
บ้านวงศ์บุรีเป็นบ้านแบบยุโรปประยุกต์ หลังคาสูง ทรงปั้นหยา 2 ชั้น มีลวดลายเถาไม้แกะสลักประดับตัวบ้านทั้งที่หน้าจั่ว ช่องลม ชายน้ำ ประตู หน้าต่าง ภายในบ้านยังคงความมีชีวิตของบ้านด้วยห้องนอน ห้องอาหาร ห้องทำงาน ที่เสมือนหนึ่งว่ายังคงมีการใช้งานอยู่ ภายในบ้านมีการจัดแสดงให้ชมสิ่งของเครื่องใช้ในอดีต ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้เก่าแก่ของตระกูลที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุ เช่น เครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเล่นแผ่นเสียง วิทยุโบราณ ถ้วยชาม คนโท กำปั่นเหล็ก แหย่งช้าง อาวุธโบราณ รวมถึงพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนและสุโขทัย ฯลฯ
คุณสหยศ วงศ์บุรี ผู้ก่อตั้ง ชมรมอนุรักษ์ สถาปัตยกรรมเมืองแพร่ และทายาทบ้านวงศ์บุรีในปัจจุบัน เผยว่า “ทุกวันนี้ เรามีการดูแลบ้านวงศ์บุรีเป็นอย่างดี โดยจะมีการบำรุงซ่อมแซมส่วนที่เก่าหรือหมดสภาพอยู่ตลอด เพื่อคงความเป็นบ้านของเจ้านายในสมัยโบราณไว้ ราวกับบ้านมีชีวิต” ความโดดเด่นของบ้านวงศ์บุรี ที่สวยงามด้วยศิลปกรรมและมีอายุเก่าแก่ ทำให้บ้านหลังนี้ได้รับรางวัล
บ้านอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2536 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมทั้งยังมีการเผยแพร่บ้านวงศ์บุรีในหนังสือต่างๆ จำนวนมาก อาทิ หนังสือบ้านมรดกไทย, อนุสาร อ.ส.ท., นิตยสารลลนา, ผู้หญิง , แพรว และถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง บ้านวงศ์บุรี เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-17.00 น. ค่าเข้าชมคนไทยและต่างชาติ คนละ 30 บาท
ความมหัศจรรย์สถานที่ถัดมา คือ ร้อยปีสถานีรถไฟบ้านปิน “สถานีรถไฟบ้านปิน” สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ.2457 โดยการรถไฟหลวงแห่งสยาม ที่มีพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยาการ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้บัญชาการ และมีนายช่างชาวเยอรมัน ชื่อ เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 1,362,050 บาท ใช้เวลาสร้าง 11 ปี โดยเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2450 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2461 ปัจจุบันมีอายุครบรอบร้อยปีเต็ม
สถานีรถไฟบ้านปิน เป็นสถานีแห่งเดียวของไทย ที่สร้างด้วยสไตล์ “เฟรมเฮ้าส์” แบบบาวาเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมมากในแคว้นบาวาเรียของเยอรมัน โดยมีแรงบันดาลใจจากป่าไม้สักที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเมืองแพร่ ทำให้นายช่างชาวเยอรมันออกแบบสถานีแห่งนี้ ด้วยสไตล์ “ทิมเบอร์ เฟรมเฮ้าส์แบบบาวาเรียน” ซึ่งเป็นสไตล์ที่ใช้ไม้เป็นวัสดุที่สำคัญ โดยออกแบบผสมผสานให้เข้ากับเรือนปั้นหยาแบบไทยๆ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในยุคนั้นด้วย สถานีรถไฟบ้านปิน เป็นอาคารสองชั้น ตัวตึกประดับด้วยไม้ หลังคาจั่วและปั้นหยา ตัวอาคารทาด้วยสีเหลืองเข้ม ตัดกับโครงสร้างสีน้ำตาลเข้ม หน้าต่างโค้งมีลายฉลุสวยงาม
คุณคณาวุธ เสนาบุตร นายสถานีรถไฟบ้านปิน กล่าวว่า “ที่นี่แม้เป็นสถานีรถไฟขนาดเล็กระดับอำเภอ แต่ในทางศิลปะสถาปัตยกรรมนั้นถือว่าโดดเด่น ชนิดที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เพราะเป็นสถานีรถไฟแห่งเดียวของไทย ที่สร้างด้วยสไตล์ เฟรมเฮ้าส์ แม้จะผ่านมาร้อยปีแล้วก็ยังมีการบำรุงซ่อมแซมสถานีอยู่เสมอ”
นอกจากนี้ยังมี โรงเรียนบ้านปิน (ปินประชาราษฎร์) และที่ทำการตำรวจชุมชนบ้านปิ่น สถานที่ที่คงเหลืออยู่ในจังหวัดแพร่เพียงที่เดียว ที่มีการใช้ไม้สักเป็นวัสดุในการก่อสร้างตัวอาคารทั้งหลังตั้งแต่ดั้งเดิม และเปิดใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
พรนภา แจ่มกระจ่าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี