ชาวบ้านบุกศาลากลาง ประท้วงนายทุนซื้อที่ทำฟาร์มหมูในชุมชน
วันจันทร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558, 14.31 น.
Tag :
วันที่ 27 เม.ย. 58 เวลา 10.00 น. ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านในพื้นที่ ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ประมาณ 300 คน เดินทางไปชุมนุมกันที่ศาลากลางจ.เชียงราย เพื่อเรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ยุติโครงการก่อสร้างฟาร์มสุกรหรือหมูซึ่งมีเอกชนจะเข้าไปก่อสร้างในพื้นที่
โดยการชุมนุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อเย็นวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เคยชุมนุมกันที่ตลาดภายในหมู่บ้านแม่อ้อหลวง ม.11 ต.แม่อ้อ มาครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่ได้ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานใด
สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ นำโดยนายธีระพงษ์ เผ่ากา เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้มีการจัดทำเป็นหนังสือระบุเนื้อหาว่าได้มีเอกชนใน จ.เชียงราย รายหนึ่งร่วมกับเอกชนในกลุ่มซีพีเอฟ จะก่อสร้างฟาร์มหมูพื้นที่บ้านแม่อ้อดังกล่าว แต่ที่ผ่านมามีการไปสอบถามความเห็นจากประชาชนที่บ้านแม่อ้อหลวงเพียงหมู่บ้านเดียวทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัย
หนังสือของชาวบ้านระบุอีกว่า การก่อสร้างอาจจะมีผลกระทบต่อต้นน้ำซึ่งอยู่ใกล้ชุมชนและหมู่บ้านข้างเคียงคือ ม.1 ม.2 ม.7 ม.8 ม.11 ม.13 ม.15 และ .16 ต.แม่อ้อ และ ม.15 ต.ห้วยสัก อ.เมือง รวมทั้งมีผลกระทบเรื่องมลภาวะ สิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำ จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้สั่งการไปยังนายอำเภอพานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำประชาพิจารณ์ชาวบ้านให้ถูกต้องและครบถ้วนทุกหมู่บ้านดังกล่าวทั้งนี้ในการชุมนุมดังกล่าวนายพงษ์ศักดิ์ได้เชิญชาวบ้านทั้งหมดไปร่วมหารือที่ห้องประชุมจอมกิตติศาลากลาง จ.เชียงราย โดยมีการแจ้งข้อเท็จจริงในพื้นที่และข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดย นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้รับแจ้งจากทางอำเภอว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีเอกชนรายใดยื่นขออนุญาตก่อสร้างฟาร์มหมูไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) แม่อ้อ เพราะขั้นตอนการก่อสร้างจะต้องขอไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวก่อน ดังนั้นจึงขอให้ชาวบ้านเบาใจได้กระนั้นหากว่าในอนาคตมีการยื่นขออนุญาตก็ยังจะต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โยธาธิการและผังเมือง สาธารณสุข ปศุสัตว์ หน่วยงานที่ดูแลที่ดินบริเวณดังกล่าว ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ ได้รับทราบแล้วโดยเฉพาะ อบต.แม่อ้อ ที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการเข้าไปแจ้งผ่านสภา อบต.แม่อ้อเพื่อให้มีท้องถิ่นบัญญัติตามที่ชาวบ้านต้องการได้ อย่างไรก็ตามทางจังหวัดก็จะช่วยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามความประสงค์ของชาวบ้านต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าการประชุมยังมีตัวแทนจากปศุสัตว์ จ.เชียงราย นิติกรท้องถิ่น จ.เขียงราย ฯลฯ ชี้แจงข้อมูลกับชาวบ้านโดยมีเนื้อหาว่าที่ดินที่เอกชนเข้าไปกว๊านซื้อดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) และในผังเมืองระบุว่าอยู่เขตพื้นที่สีเขียวแถบน้ำตาลที่สามารถขออนุญาตทำกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้โดยต้องอยู่ห่างจากแหล่งน้ำตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไป สร้างอาคารสูงไม่เกิน 12 เมตร สำหรับกรณีของปศุสัตว์จะมีบทบาทเมื่อมีการขออนุญาตแล้วและทางเอกชนรายดังกล่าวยื่นขอเป็นมาตรฐานฟาร์มจึงสรุปได้ว่าหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากคือ อบต.แม่อ้อ ซึ่งจะเป็นผู้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆเพื่อประกอบความเห็นว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เอกชนก่อสร้างต่อไปทำให้ชาวบ้านเข้าใจและมีการยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการ จ.เชียงรายก่อนไปยื่นต่อกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย(กกล.รส.จทบ.ชร.) ที่ค่ายเม็งรายมหาราช อีกฉบับและสลายตัว
ด้านนายธีระพงษ์ กล่าวว่า เอกชนได้กว๊านซื้อที่ดินเพื่อเตรียมก่อสร้างแล้วประมาณ128 ไร่และมีข่าวจะหาซื้อในระยะต่อไปอีกนับ 100 ไร่ พื้นที่ที่จะก่อสร้างก็ห่างจากหมู่บ้านเพียงประมาณ 800 เมตร ทราบมาว่าจะมีสุกรในช่วงแรกกว่า 2,400 ตัว แต่ละตัวจะมีมูลวันละกว่า 6 กิโลกรัมและหากขยายกิจการออกไปจะมีปริมาณมหาศาลชาวบ้านจึงหวั่นเกรงเรื่องผลกระทบต่อมลภาวะ สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะแหล่งน้ำอย่างมาก
ด้านนายประสิทธิ์ อทุธโยธา กล่าวว่า เคยมีกรณีศึกษาที่ ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งมีฟาร์มหมูและมีผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างเรื้อรังทำให้ชาวต.แม่อ้อ ไม่อยากให้เกิดปัญหาเช่นนั้นขึ้นดังนั้นหากว่าการยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งนี้ไม่เป็นผลก็จะไปยื่นถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ใช้มาตรา44 เพื่อช่วยชาวบ้านด้วยต่อไป.