เมื่อวันที่ 27 เมษายน พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4(ผบช.ภ.4)เดินทางมายังสภ.เมืองหนองคาย เพื่อร่วมสอบปากคำตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดจังหวัดอุดรธานี 6 นาย ตำรวจอาสา 2 คน และหญิงสาวอีก 1 คนหลังก่อเหตุจับคนลาว 2 คน เรียกค่าไถ่ 2 ล้านบาท ก่อนถูกพล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย ทำการซ้อนแผนจับกุมได้ยกชุดเมื่อค่ำวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา
สำหรับตำรวจทั้ง 6 นายที่ถูกจับกุมครั้งนี้ประกอบด้วย 1. ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี 2. ร.ต.ท.พีระพงษ์ ตรีพงษ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี 3. ร.ต.ต.สมเด็จ สุขรมย์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี 4. ด.ต.ปกรณ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี5.ด.ต.ชัยณรงค์ อรดี ผบ.หมู่ จร.สภ.เมืองอุดรธานีและ6. ด.ต.วีระวัฒน์ ตานุชนม์ ผบ.หมู่ (สส.) สภ.เมืองอุดรธานี
นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คนคือนายธวัชชัย ทิพสุภา และนายตี๋ อาจสุวรรณ์ ตำรวจอาสา และน.ส.พัชรมัย พรหมวิชลัย ผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเชิญผู้เสียหายชาวลาว 3 คน ประกอบด้วย ท้าวดวงคำ ตันทะแก้ว อายุ 60 ปี นางบัวจัน ตันทะแก้ว อายุ 55ปี และท้าวพอนสะหวัน ตันทะแก้ว อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ลูกมาให้ข้อมูลด้วย
นางบัวจัน ให้การว่า ตนพาลูกชายมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย มีท้าวทอง คนรู้จักที่ลาวโทรศัพท์มาหาบอกว่าจะมีคนฝากของมาให้ขอให้ถือมาด้วย ไม่นานน.ส.พัชรมัยก็เดินเข้ามาหาแล้วยื่นของให้ตนจึงรับมาแล้วพาลูกชายมายังด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวกำลังซื้อตั๋วโดยสารรถข้ามสะพานก็ถูกตำรวจเข้าจับกุม ระบุว่าตนมีสิ่งของผิดกฎหมาย
“ตำรวจได้ตรวจค้นพบห่อที่น.ส.พัชรมัย ให้มามีเงินสดจำนวน 60,000 บาท พร้อมอ้างว่า
ดิฉันนำเงินจำนวนมากออกนอกประเทศไม่ได้ แถมยังบอกว่าถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้ติดต่อญาตินำเงินมา 2 ล้านบาทเป็นค่าไถ่ตัว จากนั้นก็พาตนกับลูกขึ้นรถไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แล้วบังคับให้ถ่ายรูปคู่กับยาบ้าทั้งๆที่ครอบครัวไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลยแม้แต่น้อย”นางบัวจัน กล่าว
ด้านท้าวดวงคำ พันทะแก้ว กล่าวว่า ตนทำงานเหมืองแร่อยู่ในลาว ส่วนนางบัวจันทำธุรกิจโรงแรมดวงจันทน์อยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ส่วนท้าวทองนั้นรู้จักเพราะทำงานด้วยกัน แต่หลังจากท้าวทองโทร.มาบอกว่าภรรยาถูกตำรวจจับกุม ตนพยายามติดต่อท้าวทองแต่ติดต่อไม่ได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากพล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จ.หนองคายและวางแผนจับกุมดังกล่าว
ในขณะที่ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ให้การยืนยันว่า ตนมาขยายผลการจับกุมยาบ้า หลังจากที่จับน.ส.พัชรมัย พรหมวิชลัย ผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้าในพื้นที่ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี จากนั้นร.ต.อ.สุรพัศได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ด้านพล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 กล่าวภายหลังว่า คดีนี้รายงานให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ทราบแล้วโดยกำชับว่าให้เป็นไปตามขั้นตอนถูกผิดอย่างเด็ดขาด และก่อนหน้านี้มีรายงานเข้ามาว่าตำรวจอุดรธานีกลุ่มนี้มีพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวจนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นถือว่าเป็นตำรวจทำความผิดเสียเอง
ส่วนพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า เบื้องต้นตนมีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 6 นายออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยด้วย
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคายได้แจ้งข้อกล่าวหา 7 ข้อหนักคือ เจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรืออื่นใด สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ กักขังเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้ามาในสาธารณะโดยไม่มีเหตุผลอันควร มียาเสพติด (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและร่วมกันมียาเสพติด(ยาไอซ์)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่สภ.เมืองอุดรธานีเป็นไปอย่างเงียบเหงา บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนต่างพากันจับกลุ่มคุยและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจชุดนี้ว่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงตำรวจเมืองอุดรฯแบบไม่มีชิ้นดีแล้ว
ส่วนพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวถึงคดีนี้ว่ากำชับให้สืบสวนขยายผล หากพบผู้บังคับบัญชา เข้าไปมีส่วนรู้เห็น ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดดังกล่าว มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในการจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เพื่อแลกกับทรัพย์สินในการปล่อยตัว และทำมาเป็นระยะเวลานาน
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ทราบเบาะแสมาโดยตลอด จึงสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด จนมาก่อเหตุซ้ำ ดังนั้นขอย้ำว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ ทางสตช.จะส่งชุดปฏิบัติการพิเศษจากส่วนกลาง ลงไปสืบสวนจับกุมโดยไม่ละเว้น”ผบ.ตร.ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี