ชุ่ย!เครนยักษ์ล้ม
ทับรถกลางถนนเละ
เซ่นรถไฟฟ้าสีแดง
โชคดีเจ้าของรอด
แฉเกิดเหตุซ้ำซาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 4 พฤษภาคม ได้เกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างขนาดใหญ่ ในโครงการไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ของบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ล้มทับรถยนต์ 2 คันและขวางทางรถไฟ ระหว่างสถานีหลักสี่-ดอนเมือง ข้างสถานีรถไฟดอนเมือง ถนนกำแพงเพชร6 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ที่เกิดเหตุ เป็นบริเวณลานจอดรถยนต์ สถานีรถไฟดอนเมือง มีรถเครนขนาดใหญ่ สูงประมาณ15เมตร ล้มคว่ำพลิกตะแคง แขนของเครนล้มคร่อมทางรถไฟ ทับรถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีน้ำตาล ทะเบียน 2 กถ7949 กรุงเทพมหานคร ถูกเครนฟาดบริเวณหลังคารถตรงห้องผู้โดยสาร ส่งผลให้ผู้ขับขี่คือ นายฐานุพงศ์ เจริญธัญวัฒน์ อายุ39ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะแตก เจ็บแผ่นหลัง เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลภูมิพล อย่างเร่งด่วนและเครนดังกล่าวยังล้มทับรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ชพ-2455 กรุงเทพมหานคร โดย มี น.ส.ศิริกาญจนา นันทสูรณ์ อายุ 35 ปี เป็นเจ้าของรถ ถูกปลายแขนเครนล้มทับบริเวณกระโปรงหน้ารถตรงห้องเครื่อง โชคดี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ร.ต.ท.อนันต์ เหมือนเพชร พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เผยว่าจากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุคนงานของบริษัทอิตาเลี่ยนไทยได้นำรถเครนมาตั้งขายันเพื่อค้ำรถแล้วยื่นแขนของเครนออกไปยกแผ่นวัสดุเพื่อนำไปใช้งานสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต ระหว่างขาค้ำยันของเครนเกิดยุบลงไปในดินจนแขนของเครนล้มทับไปฟาดทับรถจนเกิดเหตุดังกล่าวส่วนคนขับอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำก่อนดำเนินการต่อไป
จากเหตุดังกล่าว ส่งผลให้การจราจร บนถนนวิภาวดีรังสิตติดขัดอย่างหนักและเนื่องจากขาเครนที่มีความยาว ยังล้มพาดขวางรางรถไฟ บริเวณสถานีดอนเมือง ทั้งเข้าและขาออกทำให้ไม่สามารถเดินรถได้รถไฟที่จะเข้าและออกจากกรุงเทพฯต้องจอดรอที่สถานีใกล้เคียง ทำให้ขบวนที่ 9 กรุงเทพ-เชียงใหม่ รอเปิดทางอยู่ที่ บางเขน ขบวนที่ 75 กรุงทเพฯ-อุดรธานี รออยู่ที่หลักสี่ ขบวนที่ 201 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก รอที่สถานีบางซื่อ และขบวนที่ 208 กรุงเทพฯ-นครสวรรค์ รอที่ดอนเมือง
สำหรับเครนที่เกิดอุบัติเหตุ พบว่าสภาพฐานด้านหน้ากดจมลงในดิน ส่วนฐานเครนด้านหลังลอยขึ้น ลักษณะเป็นการล้มคว่ำลงมา โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัท อิตาเลียน-ไทย เจ้าของเครน กำลังระดมคนงานเข้ามายกเครน ต่อมาเวลาประมาณ10.30น.เจ้าหน้าที่ บริษัท อิตาเลียนไทย ยกเครนล้มขวางรางรถไฟ ที่สถานีดอนเมืองแล้วเสร็จใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงและสามารถเปิดเดินรถไฟได้ตามปกติแล้ว
ขณะที่นายจเร รุ่งฐานีย์ วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและงานก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแนวหน้าออนไลน์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็น เพราะความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่วางเอาไว้อย่างเคร่งครัด จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ทางเรามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ชัดเจนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นก่อนตั้งรถ ต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ว่ามีความแข็งแรงหรือไม่ หากไม่มีความแข็งแรง ก็จะมีการเสริมแผ่นเหล็กเพื่อเสริมฐานให้มั่นคงซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นเรายอมรับในความผิดพลาด และจะเร่งดำเนินการปรับปรุงโดยเร็วที่สุด
ส่วนมาตรการดำเนินการกับบริษัทอิตาเลียนไทยฯซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมา จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดกับผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นจะสั่งการให้ตรวจสอบว่าจุดดังกล่าววิศวกรคนใดเป็นคนดูแลรับผิดชอบจากนั้นจะทำการปลดวิศวกร หรือผู้รับผิดชอบในบริเวณดังกล่าวออกทันที ถือว่าละเลยต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยที่วางเอาไว้จนเกิดอุบัติเหตุ ส่วนผู้เสียหาย การรถไฟฟ้าฯสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเป็นอย่างดีโดยจะออกค่ารักษาพยาบาลรวมถึงชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด โดยมีบริษัทผู้รับเหมาเป็นผู้รับผิดชอบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2558 ได้เกิดเหตุนั่งร้านก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงบริเวณหน้าไอทีสแควร์หลักสี่ ถล่มลงมาทำให้มีคนงานได้รับบาดเจ็บ 8 คน สาหัส 3 ราย และล่าสุด เกิดเครนขนาดใหญ่ของโครงการฯล้มลงขวางถนนและทับรถยนต์ 2 คัน เป็นความสะเพร่าซ้ำซาก จนทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดอย่างหนัก มีรถยนต์เสียหาย 2 คันและมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี