รวบสท.ปาดังฯ-ผญบ.
ค้า‘โรฮิงญา’
ตามล่าอีก4แก๊งฆ่าโหด
เด้งตำรวจกราวรูดเซ่นคดี
บิ๊กตู่ลั่นใครเอี่ยวโทษหนัก
เจออีก5หลุมศพค่ายกักกัน
เอ็นจีโอจี้สอบสุสานพังงา
ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีพบแคมป์กักกันและหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาบนเทือกเขาแก้ว บ้านตะโละ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมศพผู้เสียชีวิต 26 ศพ ที่คาดว่าเป็นฝีมือของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติรายใหญ่ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 4 ราย
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชนและสตรี และปราบปรามการค้ามนุษย์ลงพื้นที่จ.สงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าการสืบสวนคดีชาวโรฮิงญาเสียชีวิตในค่ายกักกันบนเทือกเขาแก้ว พร้อมมอบนโยบายแนวทางทำคดี รวมถึงช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับแรงงานที่บาดเจ็บ
พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมให้ความสนใจเรื่องนี้มาก เพราะส่งผลกระทบระดับประเทศ จึงให้ตนลงพื้นที่ไปรับทราบข้อมูล ซึ่งการแก้ปัญหาค้ามนุษย์นั้นพล.ต.อ.เอกดูแลรับผิดชอบอยู่แล้ว เมื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลเบื้องต้นพบเป็นขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ จึงมอบให้พล.ต.อ.เอกไปเร่งแก้ปัญหา พร้อมส่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเข้าไปรับผิดชอบร่วมกันทำงาน
นายกฯสั่งลุยใครเอี่ยวไม่เอาไว้
“นายกฯกำชับกับผมโดยตรงให้ดูแลคดีนี้ให้ดี ใครมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงให้จับกุมดำเนินคดีไม่ละเว้น ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น เรื่องนี้สร้างปัญหาให้ประเทศร้ายแรง โดยให้ประสานกับพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ซึ่งลงพื้นที่จ.สงขลาวันนี้เช่นกัน”พล.ต.อ.สมยศกล่าว และว่า ในการคลี่คลายคดีพล.ต.อ.จักรทิพย์ต้องประสานมาเลเซียและพม่า เพื่อสืบสวนจับกุมเครือข่ายนี้ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของชาวโรฮิงญา 26 ศพนั้น พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผบ.ตร.ด้านนิติวิทยาศาสตร์ลงพื้นที่จ.สงขลา ช่วยเก็บพยานหลักฐานและตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ ต้องขอเวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต ส่วนจุดตั้งค่ายกักกันที่พบอยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของตำรวจตระเวนชายแดนนั้น ต้องรอสืบสวนขยายผล ถ้าพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องจะดำเนินการเฉียบขาดไม่ละเว้น โดยเฉพาะถ้าการสอบสวนบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย เข้าไปช่วยเหลือรับประโยชย์ ก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
หมายจับ8ผู้ต้องหา”สท.-ผบญ.”
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่สภ.หาดใหญ่ พล.ต.อ.สมยศประชุมติดตามความคืบหน้าคดีพบศพชาวโรฮิงญา 26 ศพที่เทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบช.ภ.9 สอบสวนกลาง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดนและชุดสืบสวนพิเศษโดยรับฟังรายงานเบื้องต้นจากพล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 จากนั้นมอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าคดี
หลังประชุม พล.ต.อ.สมยศแถลงว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับผู้ต้องหาในคดี 8 คน ประกอบด้วย 1.นายประสิทธิ์ เหล็มแหล๊ะ รองนายกเทศบาลตำบลปดังเบซาร์ 2.นายอาสัน หรือมูสัน อินทนู สท.ตำบลปาดังเบซาร์ 3.นายยาหลี เขร็ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านตะโละ 4.นายร่อเอ สนยาแหละ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 5.นายอาหลี ล่าเม๊าะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 6.นายอันวา หรือ ซอ เนียง อานู สัญชาติพม่า 7.นายพรรคพล เบ็ญล่าเต๊ะ อายุ 47 ปี และ8.นายเจริญ ทองแดง อายุ 45 ปี ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และเรียกค่าไถ่
รวบแล้ว4-เด้ง2ตร.เซ่นค้ามนุษย์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จับกุมได้แล้ว 4 ราย คือ นายอาสัน นายร่อเอ นายอาหลีและนายอันวา พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติกขนาด 9 มิลลิเมตร 1 กระบอก กระสุนปืน 9 มิลลิเมตร 8 นัด ซองหนังพก จึงยังแจ้งข้อหานายอาสันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 1 ข้อหา พร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนมาแถลงต่อสื่อมวลชน
โดยพฤติการ์ของผู้ต้องหา สืบเนื่องจากวันที่ 1-2 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองร่วมกันพิสูจน์ทราบบริเวณควนหมาถด ป่าเทือกเขาแก้ว หมู่ 8 บ้านตะโละ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา สถานที่กักตัวชาวโรฮิงญาและตรวจพบชาวโรฮิงญาเสียชีวิตในที่พัก 1 คน และจากการขุดหลุมที่ฝังศพพบอีก 25 ศพ จากการสืบสวนมีเหยื่อและพยานให้การยืนยันว่า ผู้ต้องหากับพวกที่หลบหนีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และเรียกค่าไถ่ชาวโรฮิงญาบริเวณควนหมาถด พนักงานสอบสวนสภ.ปาดังเบซาร์จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติจับกุมผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดนาทวี จากนั้นเข้าจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ส่งพนักงานสอบสวน ซึ่งทั้ง 3 ให้การปฏิเสธข้อหาค้ามนุษย์ หน่วงเหนี่ยวกักขัง เรียกค่าไถ่ ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช คดีฉ้อโกงทรัพย์และเรียกค่าไถ่ชาวโรฮิงญาในคดีอื่นของสภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดีในคดีนี้แล้ว
นอกจากนี้ มีรายงานว่าพล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.สงขลา ออกคำสั่งภ.จว.สงขลา ที่ 0024 (สข.)311(2)/1552 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม ให้ร.ต.ต.อารีย์ หมันสมัน รองสวป.สภ.ปาดังเบซาร์ และ ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผบ.หมู่ป.สภ.ปาดังเบซาร์ ตำรวจประจำป้อมเขารูปช้าง บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ภ.จว.สงขลาตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมาโดยไม่มีกำหนดจนกว่าการสอบสวนเสร็จ
แฉตัวการใหญ่นักการเมืองท้องถิ่น
พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจะออกหมายจับเพิ่มอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองท้องถิ่น หากพบว่าเกี่ยวข้องจะจับกุมทั้งหมด ส่วนผลการตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในแคมป์ เจ้าหน้าที่พบศพ 26 ศพเป็นชาย 25 ศพและหญิง 1 ศพมีทั้งที่เสียชีวิตมาแล้วเป็นปีและเพิ่งเสียชีวิต อีกทั้ง ยังพบว่าแคมป์แห่งนี้ถูกสร้างมานาน ส่วนสาเหตุการตายต้องรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แต่เบื้องต้นคาดว่าตายเพราะป่วยและขาดอาหาร ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้เป็นอาชญากรข้ามชาติ มีทั้งไทย พม่า และมาเลเซีย ทำมาแล้วอย่างน้อย 3-4 ปี
มีรายงานจากชุดสืบสวนเผยว่า นอกจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง8 คนแล้ว เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 3-4 คนในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองซึ่งเป็นเจ้าของแคมป์ใหญ่บนเทือกเขาแก้วและผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้กว้างขวางในต.ปาดังเบซาร์ ทั้งนักการเมืองท้องถิ่นและผู้นำท้องถิ่น อีกทั้ง มีชาวโรฮิงญารวมอยู่ด้วย จากการสืบสวนพบว่าทั้งหมดได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว
นายอารี อารีฟ ตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีและกรรมการสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำนักจุฬาราชมนตรี ซึ่งเข้ารับฟังการแถลงข่าวได้เสนอแนวกระบวนการจัดการกับปัญหาชาวโรฮิงญาโดยขอให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดหากมีมุสลิมเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือผู้นำศาสนา และให้ทางสำนักจุฬาราชมนตรีและภาครัฐเข้ามาร่วมจัดการด้านมนุษยธรรมกับชาวโรฮิงญาทั้งที่มีชีวิตและเสียชีวิต
ผบ.ตร.เยี่ยม4เหยื่อค้ามนุษย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าว ผบ.ตร.เดินทางไปเยี่ยมชาวโรฮิงญา 2 คนและชาวบังคลาเทศ 2 คน ที่รักษาตัวอยู่ที่รพ.ปาดังเบซาร์ ซึ่งทั้งหมดเคยถูกกักตัวอยู่ที่แคมป์บนยอดเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ชายแดนไทยมาเลเซีย ที่เจ้าหน้าที่ไปพบ โดยพล.ต.อ.สมยศกล่าวกับชาวโรฮิงญาทั้ง 4 ว่าขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแคมป์แห่งนี้รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยตำรวจจะให้การคุ้มครองอย่างดีที่สุด หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะสอบสวนเพิ่มเติมและกันไว้เป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ออกหมายจับไปแล้ว8คน และจะออกหมายจับเพิ่มอีกบางส่วน
พบหลุมศพอีก3-5 หลุมบนเขาแก้ว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าการค้นหาแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาในพื้นที่เทือกเขาแก้วต.ปาดังเบซาร์ว่า หลังจากที่ทหารได้พูพรมตรวจค้นพื้นที่โดยรอบของเทือกเขาแก้วปรากฏว่าพบหลุมศพเพิ่มอีก3-5 หลุม ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากแคมป์และสุสานฝังศพโรฮิงญาจุดแรกประมาณ 200 เมตร คาดว่าจะเป็นหลุมฝังศพของชาวโรฮิงญา โดยในวันที่ 5 พฤษภาคม
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยชุดกู้ภัยจะขึ้นไปขุดพิสูจน์อีกครั้ง
“บิ๊กโด่ง”ลุยสงขลา-ระนองชี้แก๊งใหญ่
วันเดียวกัน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ลงพื้นที่จ.สงขลา โดยเปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ไปติดตามขบวนการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นภัยร้ายแรง รัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป และไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายการค้ามนุษย์ในสายตานานาชาติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่จุดอื่นต่อไป และตั้งแต่นี้ไปจะกวดขันเรื่องการค้ามนุษย์มากขึ้น นอกจากติดตามคดีโรฮิงญาที่จ.สงขลาแล้ว ตนไปดูปัญหาดังกล่าวที่จ.ระนองด้วย เพราะเป็นพื้นที่จุดเริ่มต้นขบวนการค้ามนุษย์ โดยนำคนมาทางเรือ ส่วนที่มีข่าวชาวโรฮิงญา 700 คนไปมาเลเซียแล้ว ตนคิดว่าปัญหาน่าจะเชื่อมโยงกันทั้งสองฝั่ง และไม่ใช่ขบวนการเล็กๆ
สั่งคุมเข้มชายแดนทางทะเลระนอง
พล.อ.อุดมเดช เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่จ.ระนอง เพื่อร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาในจ.ระนอง ซึ่งเป็นจังหวัดต้นน้ำหรือต้นทางสำคัญที่เป็นจุดลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายไปยังประเทศปลายทาง รวมทั้งพื้นที่ทางทะเลใน 5 จังหวัดอันดามัน โดยเน้นย้ำให้บูรณาการแก้ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองให้เป็นรูปธรรม
และให้เจ้าหน้าที่ไม่ทำงานในลักษณะกินข้าวร้อน นอนตื่นสายเช่นที่ผ่านมา
คาดโทษจนท.ปล่อยโรฮิงญาหนีเข้าปท.
“ถ้าต่อไปนี้พื้นที่ใดมีข่าวพบชาวโรฮิงญาสามารถลักลอบเข้ามืองผิดกฎหมายได้ จะพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆทันที เพื่อปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่คนอื่นที่มีความตั้งใจและกระตืนรือร้นในการปฏิบัติงานเข้ามาดูแลแทน และเตือนเจ้าหน้ารัฐไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำพาชาวโรฮิงญาเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายอย่างเด็ดขาด ถ้าพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด นอกจากนี้ ยังให้เร่งทำข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพื่อส่งมาให้ผมดำเนินการเด็ดขาดต่อไป ขอให้เจ้าหน้าที่รักศักดิ์ศรีตัวเอง ไม่ให้กลุ่มผู้ค้าโรฮิงยานำเงินมาง้างให้เขวได้” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
ภาค8รับมีตำรวจเอี่ยวค้ามนุษย์
ด้านพล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำพาชาวโรฮิงญาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายและนำพาสู่ประเทศที่สาม ได้มีการจับกุมส่งดำเนินคดีแล้วหลายราย แต่ไม่เป็นข่าว ซึ่งโทษของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ต้องถูกให้ออกจากราชการ และถูกดำเนินคดีอาญา หลายรายอยู่ในระหว่างการถูกจองจำ บางรายอยู่ในระหว่างการต่อสู้คดี และอีกโทษที่ถูกดำเนินการ คือ การยึดทรัพย์ ล่าสุดได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดที่ต้องสงสัยมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอีก 5 ราย เพื่อให้เลิกพฤติกรรม แต่ยังไม่ถูกดำเนินคดีเนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
มท.ฟันผญบ.-ผช.เอี่ยว26ศพ
ความคืบหน้าการตรวจสอบความเชื่อมโยงขบวนการค้ามนุษย์ในส่วนกระทรวงมหาดไทย หลังพบหลุมศพชาวโรฮิงญาที่จ.สงขลานั้น นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครองเปิดเผยว่า การตรวจสอบหลังจากนี้ กระทรวงสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครองให้ความร่วมมือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.นมน.) เพื่อวางแผนตรวจค้นลงไปใหม่ ตั้งแต่จ.ชุมพร ระนอง ภูเก็ต พังงา สุราษฏร์ธานี สตูล พัทลุง สงขลา ยะลาและนราธิวาส ส่วนกรณีที่ศาลออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ 8ราย ที่จ.สงขลา ในจำนวนนั้น พบผู้ใหญ่บ้าน 1 ราย และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 รายร่วมขบวนการด้วย ตนสั่งนายอำเภอปาดังเบซาร์ไปรับหมายศาลมาเพื่อออกคำสั่งพักราชการตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคมเป็นต้นไป นอกจากนี้ ตนกำชับข้าราชการที่ขึ้นตรงห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าว ถ้าพบหลักฐานมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม จะลงโทษทางวินัยและดำเนินคดีอาญาต่อไป
ชี้นายกฯเอาจริงลดผลกระทบเทียร์3
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศกล่าวถึงกรณีพบหลุมศพชาวโรฮิงญาจำนวนมากบริเวณเทือกเขาแก้ว ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่จ.สงขลาจะมีผลต่อกรณีสหรัฐประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือปัญหาการค้ามนุษย์ (TIP Report) ให้ไทยอยู่ในระดับเทียร์ 3 หรือล้มเหลวหรือไม่ว่า กรณีโรฮิงญาอยู่ในกรอบการค้ามนุษย์ แต่การที่นายกฯสั่งดำเนินการโดยเร็ว ไม่ไว้หน้าใคร เร่งทุกหน่วยงานตรวจสอบชัดเจนอาจช่วยให้บรรเทาเบาบางได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าโดยตัวคดีและการเป็นข่าวอาจทำให้เราทรุดไปได้ แต่อธิบายได้ว่าเรื่องนี้เราเป็นประเทศทางผ่าน ไม่ใช่ต้องมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องตลอด อีกทั้ง การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปแก้ไขแสดงถึงความโปร่งใสและจริงจังของไทยที่ดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่ เอาตัวคนอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบและแรงเสียดทานไปบ้างหากอีกฝ่ายมีใจเป็นธรรมและมองด้วยความไม่ลำเอียงหรือมีอคติ
NGOแฉมีสุสานโรฮิงญาที่ตะกั่วป่า
มีความเห็นจากนายศิววงศ์ สุขทวี ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติต่อกรณีพบแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญา 26 ศพที่จ.สงขลาว่า เป็นสัญญาณสะท้อนความล้มเหลวในการเผชิญหน้ากับปัญหาชาวโรฮิงญา ที่อพยพหนีตายจากบ้านเกิดผ่านชายฝั่งอันดามันเข้าสู่ประเทศไทย บางส่วนไปมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย ทั้งนี้ ตัวเลขของการเสียชีวิตของชาวโรฮิงญาที่พบศพชัดเจนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตลอด 3 ปี และมาสูงสุดปีนี้ ความซับซ้อนของการอพยพลักลอบข้ามชายแดนมีมากขึ้น เมื่อผู้อพยพต่างสมัครใจเดินทางโดยอาศัยเครือข่ายขบวนการนอกกฎหมาย นำไปสู่การบังคับกักขัง และเรียกค่าไถ่ ซึ่งนอกจากคดีพบศพและแคมป์กักกันที่เทือกเขาแก้ว อ.สะเดาแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่มีสถานที่ฝังศพอยู่อีกในอ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเป็นข้อมูลมาจากการสอบสวนหญิงสาวชาวโรฮิงญาที่เห็นผู้คุมลงมือฆ่าน้องชายของตนระหว่างถูกควบคุมบนเกาะ ไม่ไกลจากชายฝั่งอ.ตะกั่วป่า ซึ่งฝ่ายปกครองของอ.ตะกั่วพร้อมสำรวจถ้าเจ้าหน้าตำรวจหัวไทรจะนำผู้เสียหายไปมาช่วยนำทาง ขณะเดียวกัน การต่อสู้กับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาแม้เจ้าหน้าที่จะทำลายแหล่งที่พักของขบวนการในต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลาได้ แต่ในหลายจังหวัดตลอดชายฝั่งอันดามันที่เจ้าหน้าที่ต้องขยายผลเข้าไปแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี