วาระแห่งชาติว่าด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเพื่อการปฏิรูปประเทศ ยิ่งคืบหน้าไปมาก ก็ยิ่งทวีความเข้มข้น ที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองตึงเครียดขึ้น หลังจากปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สปช.-สภาปฏิรูปแห่งชาติใช้เวลา 7 วันรวด อภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อดราฟท์แรกที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเสนอมา ตามมาด้วยการรุมสับของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง นำไปสู่การกดดันเรียกร้องให้มีการทำ”ประชามติ”ที่จะรับรองรัฐธรรมนูญใหม่นี้หรือไม่ จนเริ่มมีการพนันขันต่อกันแล้วว่า รัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน จะรอดหรือไม่รอด
นั่นก็เป็นสถานการณ์ใหญ่ของรัฐธรรมนูญที่ในทางการเมือง ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องแย่งชิงกันทำให้”กติกาสูงสุด”นี้ ออกมาแบบที่เอื้อประโยชน์ตามที่ตัวเองต้องการมากที่สุด ซึ่งก็ต้องสู้กันต่อไป
แต่ในส่วนสาระรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยเรื่อง”การเกษตร”และ”เกษตรกร”นั้น เท่าที่ติดตามดู ไม่น่ามีการคัดค้านอะไร ดังนั้นเนื้อหาน่าจะเป็นไปตามดราฟท์แรก ที่ผมหยิบยกมาบอกกล่าวไว้สัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงนัก สรุปอีกทีว่า อยู่ในภาคที่ 4“การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง” หมวดที่ 2 ส่วนที่ 2 การปฏิรูปด้านต่างๆ โดยมาตรา 293 บัญญัติให้รัฐต้องดาเนินการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจรายภาคที่เกี่ยวกับภาคเกษตร 5 ข้อคือ 1.จัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการพัฒนาภาคการเกษตรและเกษตรกร ครอบคลุมทุกด้าน,2.กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เอื้อให้เกษตรกรและชุมชนสามารถเข้าถึงที่ดินทำกิน,3.คุ้มครองเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมจากการผูกขาดทางการเกษตรระบบเกษตรพันธสัญญาและการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม,4.สร้างระบบประกันความเสี่ยงแก่เกษตรกร และ5.ส่งเสริมการพัฒนาและขยายพื้นที่การทำระบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้มีสัดส่วนพื้นที่อย่างน้อยหนึ่งในสี่ของพื้นที่เกษตรกรรม
ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และฉบับปี 2550 ที่มีการยกเลิกไปแล้ว จะพบว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างออกมาใช้นี้ มีความก้าวหน้ากว่ามากเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับ”การเกษตร”
อย่างรัฐธรรมนูญปี 2540 มีแค่ในหมวดที่ 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ในมาตรา 84 บัญญํติไว้ว่า รัฐต้องจัดระบบการถือครองที่ดินและการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม จัดหาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรมให้เกษตรกรอย่างทั่วถึง และรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลิตและการตลาดสินค้า เกษตรให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุด รวมทั้งส่งเสริมการรวมตัวของเกษตรกรเพื่อวางแผนการเกษตรและรักษาผลประโยชน์รวมกันของเกษตรกร
ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2550 หมวดที่ 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส่วนที่ 7 แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ มาตรา 84 บัญญัติให้รัฐต้องดําเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ ในข้อ 8 คือ คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์เกษตรกรในการผลิตและการตลาด ส่งเสริมให้สินค้าเกษตรได้รับผลตอบแทนสูงสุด รวมทั้งส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรในรูปของสภาเกษตรกรเพื่อวางแผนการเกษตรและรักษาผลประโยชน์ รวมกันของเกษตรกร
และส่วนที่ 8 แนวนโยบายด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มาตรา 85 มีเนื้อหาที่บัญญัติให้รัฐต้องดำเนินการในส่วนของข้อ 2 คือ กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและดําเนินการให้เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างทั่วถึง โดยการปฏิรูปที่ดินหรือวิธีอื่น รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ อย่างพอเพียงและเหมาะสมแก่การเกษตร
จะอย่างไรก็ตามเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ แม้จะมีการบัญญัติให้รัฐ”ต้อง”ดำเนินการ เหมือนเป็นการ”บังคับ”ด้วยกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา การดำเนินการของภาครัฐก็ยังไม่อาจที่จะบรรลุตามเนื้อหาที่บัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญได้อย่างเต็มที่จริงๆสักที จนทำให้ปัญหาของภาคการเกษตรและเกษตรกรต้องตกอยู่ในภาวะยากลำบากและยากจน”ซ้ำซาก” ตลอดมา
บัดนี้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดบังคับให้ต้อง”ปฏิรูป” ไม่ใช่แค่เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเหมือนรัฐธรรมนูญก่อนๆ ก็ต้องรอพิสูจน์กันว่า ภาคเกษตรกรจะได้อานิสงส์อย่างแท้จริงหรือยังจะย้ำเท้าอยู่กับวังวนเดิมๆ ซ้ำซากอีก....คงต้องรอดูกันอีกนานเลย
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี