นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือและติดตามเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่องการจัดระบบการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาวและกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 เพื่อหาแนวทางลดอุปสรรคและข้อจำกัด ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเร่งรัดเจรจาตกลงกับประเทศต้นทางทั้ง 3 ประเทศ ในการเพิ่มวัตถุประสงค์ในความตกลงว่าด้วยการสัญจรข้ามแดนระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศต้นทางทั้ง 3 ประเทศ ให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้ โดยให้มีการแก้ไขข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงในหนังสือบันทึกความเข้าใจ (MOU) โดยให้ใช้บัตรผ่านแดนเป็นเอกสารประกอบการอนุญาตทำงานได้ตามบทบัญญัติมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว เนื่องจากมีข้อจำกัดทางลักษณะพื้นที่ที่ติดต่อกับประเทศต้นทาง ทำให้การปฏิบัติตามกฎหมายไม่ครอบคลุม ซึ่งได้ขอมติคณะรัฐมนตรีขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปอีก 90 วัน แต่ที่ประชุมเห็นควรเร่งให้เสร็จภายในเดือน มิถุนายน 2558
นอกจากนี้ ได้พิจารณาขยายการดำเนินการฝึกฝีมือแรงงานให้กับเยาวชนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในภูมิภาคต่างๆ โดยให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินการคัดเลือกโรงเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นักเรียน ผู้ปกครองมีความสนใจ ภูมิภาคละ 1 โรงเรียน เพื่อมาดำเนินการในการฝึกฝีมือแรงงานให้กับเยาวชนในโรงเรียนดังกล่าว
สำหรับการพัฒนาฝีมือแรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 1 คือจังหวัดตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร และสงขลา ในปีงบประมาณ 2558 กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ดำเนินการฝึกอบรมฝีมือแรงงานโดยเป้าหมาย 6,760 คน ใช้งบประมาณ 19,069,960 บาท มีผลการดำเนินการฝึกอบรมฝีมือแล้ว 5,628 คน สาขาอาชีพที่ฝึกอบรม ได้แก่ภาษาต่างประเทศและส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ ท่องเที่ยวและบริการ และโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี