รายงานพิเศษ : เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดินทำเกษตรพอเพียงในบ้าน
เป็นตัวอย่างใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
จากสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ข้าวของเครื่องใช้ทุกชนิดมีการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรที่เกษตรกรขายได้หลายชนิดมีความผันผวน ราคาตกต่ำ ส่งผลให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรจำนวนมากต้องประสบกับภาวะหนี้สิน เนื่องจากขายผลผลิตได้ราคาต่ำ แต่มีต้นทุนที่สูง รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้น
นายมงคล ทองจิบ ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินสตูล สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12 กรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า สถานีพัฒนาที่ดินสตูล ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินให้สำรวจพื้นที่ภายในสถานีพัฒนาที่ดินสตูล ว่าพื้นที่เหลือส่วนไหนที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้นำมาใช้ประโยชน์สูงสุด โดยจากการสำรวจพบว่ามีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงเชิญชวนให้เกษตรกรหรือชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาร่วมทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยแบ่งพื้นที่ให้รายละ 16 ตารางเมตร (4x4 เมตร) แต่ละล็อคจะปลูกหญ้าแฝกเป็นกำแพงกั้นพื้นที่ และให้ใช้ปลูกพืชผักผสมผสานโดยทางสถานีพัฒนาที่ดินได้สนับสนุนปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ และมีแหล่งน้ำให้ใช้ เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดเรียนรู้ด้านการใช้ประโยชน์พื้นที่และเรียนรู้การพัฒนาที่ดินไปในคราวเดียวกัน ซึ่งเกษตรกรจะมาร่วมกันผลิตปุ๋ยที่นี่และนำกลับไปใช้พื้นที่ของตนเองเพื่อลดต้นทุนการผลิต หรือชาวบ้านรายใดต้องการไปดำเนินการในพื้นที่ของตนเอง ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไปช่วยส่งเสริมสนับสนุน เนื่องจากทุกวันนี้ราคาสินค้าทุกชนิดราคาแพง หากทุกคนปลูกผักไว้บริโภคในครัวเรือนได้เองก็จะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้
นอกจากการใช้พื้นที่ของสถานีพัฒนาที่ดินที่เปิดเป็นจุดเรียนรู้ให้กับผู้สนใจแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่ของสถานีพัฒนาที่ดินสตูลเองได้นำกิจกรรมดังกล่าว กลับไปดำเนินการที่บ้านของตนเองเพื่อเป็นจุดเรียนรู้ให้กับเพื่อนบ้านได้ศึกษาและเป็นการต่อยอดผลงานของพัฒนาที่ดินกระจายสู่ชุมชนได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
นายวีรยุทธ รัตนพันธุ์ เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินสตูล เล่าว่า ตนได้นำพื้นที่บริเวณรอบบ้านที่มีอยู่ 1 งาน มาใช้ประโยชน์โดยการปลูกผักผสมผสาน คือจะปลูกทุกอย่างที่ต้องใช้ในครัวเรือนทั้งหมดไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหนให้สิ้นเปลือง ไม่ว่าจะเป็น คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา โหระพา ใบบัวบก พริก มะละกอ และอีกหลากหลายชนิดก็จะปลูกหมุนเวียนตามฤดูกาล โดยประยุกต์ใช้แกลลอนน้ำตาลจากสถานีพัฒนาที่ดินที่แตกหักเสียหายไม่ได้ใช้ประโยชน์นำมาตัดเป็น 2 ท่อน เพื่อใช้เป็นกระบะปลูกผัก หรือใช้วัสดุชนิดอื่นที่หาได้อย่างเข่งเก่ามาใช้อย่างคุ้มค่า เนื่องจากการปลูกผักในกระบะจะเหมาะกับสภาพพื้นที่น้อย และยังสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยเฉพาะหนีแมลงศัตรูพืชที่จะเข้ามาทำลายผลผลิต เนื่องจากผักที่นี่จะเป็นผักปลอดสารพิษ ไม่ใช้สารเคมีจะใช้ผลิตภัณฑ์พด. ทั้งปุ๋ยหมัก พด.1 น้ำหมักชีวภาพ
ผลจากการปลูกผักสวนครัวไว้บริโภคในครัวเรือน นอกจากได้บริโภคผักปลอดสารพิษ สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนลงได้กว่า 20% ซึ่งผักที่เหลือจากการบริโภคก็ได้แจกจ่ายให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงนำไปบริโภค แต่ด้วยปริมาณที่ปลูกมากก็ยังเหลือ จึงนำไปส่งให้กับแม่ค้าในตลาดสดทุกวัน ได้รายได้วันละ 300 บาทต่อวัน ก็นับเป็นรายได้เสริมที่ไม่น้อยทีเดียว
“สิ่งที่ตนลงมือทำเป็นตัวอย่าง ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่บ้านซอย 8 ม.7 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล ที่มีอยู่ประมาณ 100 ครัวเรือน ในจำนวนนี้กว่า 50 ครัวเรือนได้ดำเนินการปลูกผักปลอดสารพิษไว้บริโภคเองแล้ว ทั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดิน และชาวบ้านที่มีความตั้งใจและเห็นประโยชน์กับการทำสิ่งนี้จนประสบความสำเร็จ ทางนายอำเภอควนกาหลง ได้ประกาศให้บ้านซอย 8 เป็นพื้นที่ต้นแบบหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และนำคณะผู้สนใจมาดูงานอย่างต่อเนื่อง” นายวีรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย
นี่เป็นภารกิจหนึ่งในการขยายผลงานด้านการพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ของสถานีพัฒนาที่ดินสตูล รูปแบบใหม่ที่ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี