มรดกธรรม‘หลวงพ่อคูณ’
วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ กับ‘ปาฏิหาริย์ 1 ปี 1 ล้านคน’
วิหารธรรมขนาดใหญ่ที่โดดเด่นสะดุดตากลางบึงน้ำขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ ของวัดบ้านไร่ คือ ศาสนสถานที่มีพุทธศิลป์งดงาม รังสรรค์ด้วยการผสมผสานแนวคิดที่ตกผลึกของศิลปินนับร้อยชีวิต ที่ยึดหลักพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก ไม่เพียงรวบรวมหลักธรรมคำสอนทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์ ไว้ในที่แห่งเดียว แต่ยังมีเบื้องหลังของความสำเร็จจากการร่วมแรงร่วมใจทำงานของคนหลากหลายวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วิศวกร คนงานก่อสร้าง ศิลปินทุกสาขาศาสตร์ รวมถึงชาวบ้านจาก 4 หมู่บ้าน รอบวัดบ้านไร่ โดยใช้เวลาเพียง 2 ปี กับ 164 วัน
กับงบประมาณ 355 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็น “พุทธศิลป์สามัคคี” ที่สำเร็จเสร็จสิ้นด้วยศรัทธาและสามัคคี
“วิหารเทพวิทยาคม” ที่วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมานอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เริ่มเปิดให้ประชาชนทั่วไป
เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 เพียง 1 ปีผ่านมามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างชาติทุกชาติทุกศาสนาเข้ามาเยี่ยมชมมากกกว่า 1 ล้านคน และเพิ่งมีงานมอบรางวัลบุญพิเศษให้แก่สาธุชนที่มีศรัทธาธรรมเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และหลวงพ่อคูณที่มาเยี่ยมชมและร่วมในกิจกรรม “ปาฏิหาริย์ 1 ปี 1 ล้านคน”ในช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
งานการก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม และเปิดให้ประชาชนได้เข้าไปเยี่ยมชม และศึกษาธรรมะในวิหารกลางน้ำนี้ เป็นงานที่สำเร็จขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ที่ว่า “กูจะไม่ให้เงินแล้ว แต่กูจะให้ธรรมะ” เป็นการสื่อธรรมอย่างง่าย ผ่านความงดงามของสถาปัตยกรรมรูปเศียรช้างเอราวัณขนาดใหญ่ ภายในเต็มไปด้วยงานศิลปะแบบพุทธศิลป์ มากมายหลากหลายตระการตา เพื่อสื่อให้ผู้มาเยือน ทั้งชาวไทยพุทธและจากทั่วโลก รวมถึงผู้คนจากศาสนาอื่นได้เข้าใจ
หลักพระธรรมคำสอนในแบบที่เข้าใจได้เร็ว ด้วยตาดู และหูฟัง แม้ลึกซึ้งเพียงข้อเดียวก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ขณะที่เจตนารมณ์อีกประการของท่านก็คือ ให้ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบวัดบ้านไร่มีงานทำอย่างยั่งยืน ต่อเนื่องไปถึงอนาคต นายเกรียงไกร จารุทวี รองประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม ซึ่งได้มาสานต่อโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ระยะที่ 1 ที่สร้างมา 3 ปีแล้วยังไม่เสร็จ โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือน ทำให้ได้รับการไว้วางใจให้ทำงานต่อในโครงการระยะที่ 2 คือศาลาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และศาลาปริสุทธาร หรือศาลาน้ำมนต์ จนมาถึงโครงการระยะที่ 3ได้แก่ ตัววิหาร ครั้งแรกก็บอกปฏิเสธว่า “ถ้าหลวงพ่อไม่สั่งผมไม่ทำ” เพราะมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าไปบอกหลวงพ่อให้สั่ง แต่เมื่อไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณ ท่านก็กล่าวว่า “มึงไม่ทำ แล้วใครจะทำ” จึงได้ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
จากเริ่มต้นโจทย์ที่หลวงพ่อคูณให้ไว้คือ “กูจะให้ธรรมะ ในแบบที่ง่าย” ทำให้นึกถึงพระธรรมในพระไตรปิฎก จึงต้องอ่านเพื่อศึกษา แต่อ่านไปหลายหน้าก็ยังไม่คิดไม่ออก จนเกือบท้อ แต่เมื่ออ่านในบทสุดท้ายคือ มหาปรินิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสว่าเมื่อพระองค์ไปแล้ว ให้ยึดถือพระธรรมวินัยของท่านเป็นศาสดา จึงเป็นที่มาของการนำพระธรรมในพระไตรปิฎกมาประดิษฐานในวิหาร
สิ่งที่ปรากฏในงานศิลปะแต่ละชิ้นงานคือสิ่งที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งสิ้น อย่าง ช้างเอราวัณเป็นช้างทรงของพระอินทร์ หนึ่งใน
ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ที่ปกป้องคุ้มครองโลก ได้แก่ พระอินทร์ พระพิรุณ พระยม และพระกุเวร ประดิษฐ์อยู่ที่เหนือซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ เทพทั้ง 4 เป็นผู้อัญเชิญเทพบุตรบรมโพธิสัตว์จากสวรรค์ชั้นดุสิตลงมาจุติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และยังปรากฏพระนามในพระไตรปิฎก ช่วงที่ทรงผนวช ตรัสรู้ และเริ่มเผยแผ่พระธรรม ส่วน “สะพานพญานาค” ที่มี 19 เศียร 2 ตน เปรียบได้กับมงคลชีวิต 38 ประการ “19 ข้อควรปฏิบัติ 19 ข้อควรละเว้น”
งานส่วนใหญ่ที่ผ่านการบริหารจัดการของนายเกรียงไกร โดยร่วมกับนายสัมพันธ์ สารารักษ์ ศิลปินผู้ควบคุมกำกับงานและดูแลศิลปินนับร้อยชีวิตที่เข้ามาร่วมงาน อีกทั้งเป็นผู้ออกแบบ แก้ไขปัญหาและก่อสร้างโครงสร้างหลักร่วมกับวิศวกร สเกตช์ แบบร่าง กำกับรูปแบบโทนสี และเรื่องราวของศิลปะ ส่วนงานด้านรายละเอียดคือการประดับเซรามิกที่มีประมาณกว่า 2 ล้านชิ้น เป็นฝีมือชาวบ้านประมาณ 500 คนที่อยู่ใกล้กับวัดบ้านไร่ มาช่วยทำงานเพื่อถวายให้กับหลวงพ่อคูณ “ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร ทำไร่ไถนาไม่เคยทำงานศิลปะมาก่อน มาเรียนรู้ที่นี้จนทุกวันนี้กลายเป็นผู้ชำนาญไปแล้ว”
สิ่งที่ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม กล่าวอย่างภูมิใจคือ การหลอมรวมจิตใจของเพื่อนร่วมงานทุกคนให้ทำงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี แม้จะมีปัญหาอุปสรรคบ้าง วิศวกรและศิลปินเองก็ต้องอ่านพระไตรปิฎกก่อนนำงานเสนอ เมื่อผ่านความเห็นชอบก็ปล่อยให้ทำงานได้ตามอิสระที่ต้องการ ชาวบ้านที่ติดเซรามิกก็มีส่วนช่วยในการเลือกสี ที่ทำแล้วออกมาดูสวยงามกลมกลืน “ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจริง ๆ”
ทุกวันนี้ วิหารเทพวิทยาคม ถูกจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา ที่นายเกรียงไกรตั้งใจจะให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระธรรมของชาวพุทธจากทั่วโลก และจากนักท่องเที่ยวทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา เป็นแหล่งสร้างงานสำหรับชุมชนในด้านการดูแล บริหาร จัดการ และบริการด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับพระธรรมคำสอนแบบง่ายสื่อผ่านงานศิลปะที่สวยงาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี