จับหัวโจกโกง‘สจล.’
คาสนามบินสุวรรณภูมิ
อ้างแค่ยืมเงินผจก.แบงก์
ไปลงทุน/แทงพนันบอล
ปัดซัดทอดใครคือ‘บอส’
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 22 พฤษภาคม พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 กองการต่างประเทศ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1บก.ป. พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจรผกก.2บก.ป และเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป. บก.ทท.สตม. นำกำลังเข้าจับกุมนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ 4 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาเลขที่. 2363/2557 ลงวันที่26 ธค.2557 ในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดีโกงเงินการลักทรัพย์เงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กว่า1.4พันล้านบาท หลังสืบทราบว่ากำลังหลบหนีเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 กองการต่างประเทศ เดินทางไปประสานข้อมูลกับทางตำรวจอังกฤษหลังสืบทราบว่านายกิตติศักดิ์ ได้หลบหนีไปกบดานที่ประเทศอังกฤษ จึงได้ประสานความร่วมมือกับทางตำรวจอังกฤษในการแจ้งเบาะแส
จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ ได้ประสานข้อมูลมาว่า ผู้ต้องหารายนี้จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 911 จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถึงที่สนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 05.45 น. ของวันที่ 22 พค. จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม
ต่อมาเวลา 11.30 น.กำลังตำรวจ บก.ป.ได้คุมตัวนายกิตติศักดิ์ มาสอบปากคำและดำเนินคดี ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) โดย พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ เปิดเผยว่า สำหรับการสอบสวนนายกิตติศักดิ์ ในเบื้องต้นยอมรับว่ารู้จักกับนายทรงกลด และได้ยืมเงินมาลงทุน แต่ไม่มีสัญญาการกู้ยืม โดยไม่รู้ว่าเงินที่ได้มานั้นได้มาจากที่ไหน ก่อนจะนำไปลงทุนทำธุรกิจและเล่นการพนัน
อย่างไรก็ดี สำหรับคำให้การของผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ แต่พนักงานสอบสวนมีข้อมูล และทราบอยู่แล้วว่านายกิตติศักดิ์ ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินทางกลับประเทศมาต่อสู้คดี
รอง ผบก.ป.เปิดเผยอีกว่า แม้ว่านายกิตติศักดิ์ จะให้การที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่สำนวนการสอบสวนที่พนังกานสอบสวนดำเนินการมาตั้งแต่แรกและได้ส่งฟ้องไปแล้ว พบความเชื่อมโยงว่ามีผู้ใดที่เกี่ยวข้องในคดีนี้บ้าง มีการฝากเงิน ถอนหรือโอนเงินไปที่ใครบ้าง เมื่อพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ เสร็จสิ้นแล้วก็จะคุมตัวไปฝากขังที่ห้องขัง สน.พหลโยธิน เนื่องจากห้องขัง บก.ป.ยังไม่เปิดใช้งาน จากนั้นในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น.ก็จะคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรี ฝากขัง โดยพนักงานสอบสวนจะขอคัดค้านการประกันตัว
ต่อมาตำรวจกองปราบได้นำตัวนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหารายสำคัญ ในคดียักยอกเงิน สจล. จำนวน 1.6 พันล้าน มาแถลงข่าว โดยพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ระบุว่าจากการสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ ยอมรับว่า เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับกรณีการยักยอกเงินคงคลังของ สจล. จริง แต่เจ้าตัวอ้างว่าไม่รู้จักกับนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. และ น.ส.อัมพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักการคลัง สจล. เป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับมีความสนิทสนมกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหา
ขณะที่ เงินที่ได้รับจากนายทรงกลดนั้น นายกิตติศักดิ์ ระบุว่า เป็นการหยิบยืมเงินเพื่อนำไปลงทุนต่างๆ และเล่นการพนัน โดยได้รับการโอนเงินครั้งละ 100 ถึง 200 ล้านบาท โดยไม่ทราบที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว และได้คืนเงินบางส่วนให้นายทรงกลดไปแล้วจำนวน 10 ล้านบาท และสาเหตุที่ตัดสินใจเดินทางกลับมามอบตัว เนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์และต่อสู้คดี โดยก่อนหน้านี้ที่หลบหนีออกนอกประเทศ เพราะต้องการไปตั้งหลัก ส่วนเรื่อง “บอส” นั้นไม่ทราบ
เบื้องต้นตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว เพราะจากรูปการ นายกิตติศักดิ์ น่าจะได้รับคำแนะนำจากนักกฎหมายเพื่อตัดตอนคดี ดังนั้น ตำรวจจึงต้องหาหลักฐานมาหักล้างคำให้การ และแจ้งข้อกล่าวหาฐานยักยอกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีการลักทรัพย์เงินกองกลางของสจล. กว่า 1,474 ล้านบาท นั้น เหตุเกิดระหว่างปี 2555-2556 และคาบเกี่ยวในปี 2557 มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 11 ราย ประกอบด้วย นายทรงกลด ศรีประสงค์ , น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีต ผอ.กองคลัง สจล. , นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ , นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ , นางสมบัติ โสประดิษฐ์ , น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ , นางระดม มัทธุจัด , นายภาดา บัวขาว , ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. , นายศรุต ราชบุรี และ ผศ.ดร.สรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล.ก่อนที่ นายกิตติศักดิ์ จะถูกควบคุมตัวหลังจากเดินทางกลับประเทศไทยดังกล่าว ส่วนคดีนี้ยังคงมีผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 2 ราย คือ นายสหพงษ์ สหพรอุดมการ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ
ทั้งนี้พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สรุปสำนวนส่งฟ้องคดี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ , ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , ให้การสนับสนุนเจ้าพนักงานรัฐในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ และข้อหาฟอกเงิน โดยผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานรัฐซึ่งมีหน้าที่ทำหรือจัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไป และ เป็นเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ซึ่งแต่ละรายจะถูกแจ้งข้อหาไม่ เท่ากันขึ้นอยู่กับความเกี่ยวข้องว่ากระทำผิดในส่วนใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี