แก๊งค้า’โรฮีนจา’อ่วม
เพิ่มข้อหา
‘อาชญากรข้ามชาติ’
พม่าจัดชุดล่าโกมิ๊ก
มาเลย์พบ’หลุมศพ’
โหดฝังรวมนับร้อย
เมื่อวันที่ 24พฤษภาคม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา เปิดเผยว่า หลังจากที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนของฝ่ายตำรวจ ขณะนี้ได้วางกรอบเพื่อเชื่อมโยงพยานหลักฐานต่างๆไล่ตั้งแต่ ต.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา สตูล และระนอง โดยวันที่ 25 พฤษภาคม จะมีการสรุปความคืบหน้าการสอบสวน และวางแนวทางเร่งรัดการทำงานซึ่งต้องแข่งกับเวลา เนื่องจากต้องเร่งรัดสำนวนการสอบสวนให้เสร็จอย่างช้าภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณา
เพิ่มข้อหา“อาชญากรข้ามชาติ”
“นอกจากนี้พนักงานสอบสวนเตรียมตั้งข้อหาอาชญากรข้ามชาติเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา เนื่องจากมูลความผิดเชื่อมโยงระหว่างประเทศ นอกเหนือจาก 3 ข้อหาที่แจ้งไปก่อนหน้านี้ คือ สมคบและร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ , ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ ส่วนผลการสอบสวนนั้นมีหลายคนที่ยอมรับสารภาพ แต่ผู้ต้องหาคนสำคัญยังให้การปฏิเสธ” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ลุยยุทธการล้างแก๊งค้าโรฮีนจา
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับการติดตามจับกุมผู้ต้องหา ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับหรือจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม โดยหมายจับยังอยู่ที่ 77 หมาย ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 46 คน ยังหลบหนีอีก 31 คน ซึ่งผู้ที่ยังหลบหนีหลายคนพยายามติดต่อขอเข้ามอบตัวแล้ว ส่วนที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่จะจับกุมให้หมดทุกคน ซึ่งนอกจากจะเร่งรัดสำนวนการสอบสวนแล้ว เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้ายุทธการปิดต้นทางและปลายทางขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจาทั้งที่ จ.สงขลา สตูล และระนอง รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงทำความเข้าใจกับชาวบ้านและสร้างมวลชนให้เข้ามามีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี มีหลายคนพบเห็นการนำพาชาวต่างด้าวเข้ามา ซึ่งจะต้องนำมาเป็นพยานในคดีนี้
ซุ่มตรวจเรือประมงตรัง
จากนั้น พล.ต.อ.เอก พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์โรฮีนจา และการใช้แรงงานประมงผิดกฎหมายที่บริเวณท่าเรือบ้านหาดยาว หมู่ 6 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยได้พบปะผู้ประกอบการเรือทัวร์ เรือประมง และเจ้าของธุรกิจบ่อเลี้ยงกุ้ง ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานต่างด้าว ผู้นำชุมชน ผู้ศาสนา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ผู้นำชุมชนจากตำบลต่างๆใน อ.กันตัง ต้องออกเรือลาดตระเวนดูความเรียบร้อยบริเวณเขตรอยต่อระหว่าง จ.ตรัง กับกระบี่ และสตูล ซึ่งเป็นเส้นทางทะเลฝั่งอันดามันที่ชาวโรฮีนจาใช้เป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม และเคยขึ้นฝั่งที่ จ.ตรัง มาแล้ว 2 ครั้งในรอบ 5 ปี จากนั้นได้ลงเรือออกสุ่มตรวจเรือประมงพาณิชย์ในน่านน้ำทะเลตรัง อ.กันตัง ซึ่งไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด
แฉ“ตรัง”ถูกใช้เป็นทางผ่าน
พล ต.อ.เอก กล่าวด้วยว่า จ.ตรัง เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่อาจมีการค้ามนุษย์ หรือใช้แรงงานผิดกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันที่เป็นทางผ่านของผู้อพยพชาวโรฮีนจา และบังคลาเทศ โดยผู้อพยพดังกล่าวจะนั่งเรือลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายมาทางจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันของไทย เริ่มจาก จ.ระนอง พังงา กระบี่ และตรัง มุ่งหน้าไปพักรอที่ จ.สตูล และสงขลา เพื่อออกไปสู่ประเทศมาเลเซีย ประกอบกับ อ.กันตัง ประชาชนในพื้นที่ประกอบอาชีพทำประมง ดังนั้นนอกจากเป็นทางผ่านของกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮีนจาและบังคลาเทศแล้ว เกรงว่าจะมีการใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมายในภาคการประมง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนให้ช่วยกันเฝ้าระวังพื้นที่ด้วย เพื่อปลดล็อคใบเหลืองให้ไทยสามารถแข่งขันในการทำการทำประมงได้อย่างเสรีกับประเทศอื่นๆ
เมียนมาจัดชุดล่า“โกมิ๊ก”
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากศูนย์ประสานงานชายแดนเมียนมา-ไทย ด้าน จ.เกาะสอง-ระนอง ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมียนมาในเขตตะนาวศรีได้จัดกำลัง 50 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารเมียนมา ออกหาข่าวความเคลื่อนไหวของนายสุนันท์ แสงทอง หรือโกมิ๊ก ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และเป็นน้องชายของนายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ย ตัวการใหญ่เครือข่ายค้ามนุษย์ใน จ.ระนอง ที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้
รายงานข่าว ระบุว่า “โกมิ๊ก” ที่ถือ 2 สัญชาติได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไปกบดานกับภรรยาในฝั่งประเทศเมียนมา แต่จากการที่ทหารเรือเมียนมามีการช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่มากับเรือประมงดัดแปลงจำนวน 208 คน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมจับกุมไต๋เรือและลูกเรือที่เป็นชาวเมียนมาได้ ซึ่งทั้งหมดได้ให้การว่า “โกมิ๊ก” เป็นเจ้าของเรือและเป็นผู้สั่งการให้ขนชาวโรฮีนจารอบดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่เมียนมาจึงตั้งข้อหา “โกมิ๊ก” ฐานเป็นผู้นำพา และเป็นผู้นำในการค้ามนุษย์ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมตัวดังกล่าว
พบแคมป์เก่าบนเกาะตะรุเตา
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ได้ออกลาดตระเวนในน่านน้ำเพื่อเฝ้าระวังการใช้เกาะแก่งต่างๆหลบซ่อน หรือพักพิงของขบวนการค้ามนุษย์ โดยเข้าตรวจค้นเกาะเป้าหมายที่เสี่ยงจะใช้หลบซ่อนตัว เช่น อ่าวพรชัย ทางทิศใต้ของเกาะตะรุเตา ซึ่งอยู่ห่างจากแนวเขตรอยต่อประเทศมาเลเซียเพียง 5 กิโลเมตร พบร่องรอยเศษเสื้อผ้า ผ้าถุง ถุงอาหารพลาสติก ขนมปี๊บ และขวดน้ำจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยแคมป์เก่าที่ถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2556 ซึ่งทางอุทยานฯตะรุเตาเคยสนธิกำลังกับตำรวจน้ำกวาดล้าง หลังพบมีการใช้พื้นที่แห่งนี้สร้างเป็นหมู่บ้านขนาดย่อม เพื่อคัดกรองแรงงานมนุษย์ส่งต่อประเทศเพื่อนบ้านมา 2-3 ครั้งแล้ว ก่อนมาถูกกวาดล้าง ซึ่งการเข้าตรวจสอบใหม่ในครั้งนี้ไม่พบการเข้ามาใช้พื้นที่อีกแต่อย่างใด
มาเลย์ส่งเรือรบสกัดโรฮีนจา
ด้านนายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา กล่าวว่า ขณะนี้เรือรบของประเทศเพื่อนบ้านได้ออกลอยลำตามแนวชายแดนใกล้เขตน่านน้ำ จ.สตูล 2-3 ลำ เพื่อสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งไม่เคยปรากฏการออกลาดตระเวนเช่นนี้มาก่อน โดยจะเห็นได้ห่างจากเกาะตะรุเตาเพียง 5 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯตะรุเตาได้นำเรือออกลาดตระเวนอย่างเต็มกำลังเช่นกัน เพื่อป้องกันจุดล่อแหลมตามแนวเกาะแก่งชายแดน
ขณะที่ พล.ร.ท.สายันต์ ประสงค์สำเร็จ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3(ผบ.ทรภ.3) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบชาวโรฮีนจาในพื้นที่ทางทะเลอันดามัน แต่ทาง ทรภ.3 ยังลาดตระเวนน่านน้ำที่รับผิดชอบทุกวัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการลักลอบเข้ามาที่ปากน้ำ จ.ระนอง จนถึงเส้นทางผ่านไปยังจุดหมายปลายทางรอยต่อระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทางฝั่ง จ.สตูล และยังนำเรือไปประจำการบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ พร้อมใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรวจการณ์ รวมถึงตรวจสอบตามเกาะแก่งๆในทะเลอันดามันอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรือชาวโรฮีนจาที่ออกจากเมืองยะไข่ ประเทศเมียนมา และจะมาถึงไทยวันที่ 29 พฤษภาคมนั้น เนื่องจากระยะนี้คลื่นลมรุนแรงมากทำให้เรือลำดังกล่าวอาจขึ้นฝั่งที่เมียนมาไปแล้ว
พบหลุมศพโรฮีนจาในมาเลย์
ส่วนที่ประเทศมาเลเซีย ทางนายอาหมัด ซาฮิด ฮามีดี รมว.กระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย แถลงเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียตรวจพบหลุมศพขนาดใหญ่ และค่ายกักกันอีกหลายแห่งกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของเมืองเกอเลียนอินดัน และหลายหมู่บ้านใกล้พรมแดนติดกับไทย โดยเขาเชื่อว่าค่ายกักกันเหล่านี้เปิดใช้มาแล้วอย่างน้อย 5 ปีแล้ว และกำลังตรวจสอบว่าเป็นหลุมฝังศพเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 25 พฤษภาคม
โหด!หลุมเดียวฝัง100ศพ
ด้านหนังสือพิมพ์อูตูซาน มาเลเซีย รายงานว่า ตำรวจมาเลเซียพบหลุมศพขนาดใหญ่มากถึง 30 หลุม อัดแน่นด้วยศพของมนุษย์หลายร้อยศพในพื้นที่ 2 แห่งของรัฐปะลิส ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งมีพรมแดนติดกับไทย และตำรวจมาเลเซียเชื่อว่าหลุมศพที่พบครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหลุมศพขนาดใหญ่ที่พบในฝั่งพรมแดนไทย ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ รายงานผ่านเว็บไซต์ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบเกือบ 100 ศพในหลุมศพเพียงหลุมเดียว
สื่อมาเลเซีย รายงานด้วยว่า ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้มีผู้อพยพมากกว่า 3,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเมียนมาและบังกลาเทศ ทั้งว่ายน้ำขึ้นฝั่งและได้รับความช่วยเหลือนอกชายฝั่งมาเลเซียและอินโดนีเซีย หลังจากรัฐบาลไทยเร่งกวาดล้างการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โดยภาคเหนือของมาเลเซียเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของขบวนการค้ามนุษย์ที่นำเอาผู้อพยพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยทางเรือจากเมียนมา นอกจากนี้ขบวนการค้ามนุษย์ยังใช้ภาคใต้ของไทยเป็นเส้นทางผ่านด้วย
เมียนมารับโรฮีนจาขึ้นฝั่ง
ขณะที่นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศยืนยันว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือชาวโรฮีนจา และได้สั่งการให้กองทัพเรือช่วยเหลือผู้อพยพหลายพันคนบนเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเล ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเริ่มปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือเรือผู้อพยพชาวบังกลาเทศและชาวโรฮีนจาจากเมียนมาที่ยังลอยเคว้งอยู่ในทะเลแล้ว หลังผ่อนคลายนโยบายแข็งกร้าวในการปฏิเสธให้ที่พักพิงผู้อพยพทางเรือเหล่านี้
ด้านสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ทางการเมียนมาได้ยื่นมือช่วยเหลือเรือผู้อพยพชาวโรฮีนจาขึ้นฝั่งกว่า 200 คน ซึ่งนับเป็นการช่วยเหลือครั้งแรกจากรัฐบาลเมียนมาที่มีต่อกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ล่องเรืออยู่เหนือน่านน้ำใกล้กับชายแดนบังกลาเทศ หลังจากที่ถูกกดดันจากนานาชาติให้เข้าช่วยเหลือผู้อพยพกลุ่มนี้ ซึ่งทางการเมียนมาอนุญาตให้ชาวโรฮีนจาที่ได้รับสิทธิเป็นพลเมืองเท่านั้น จึงจะอาศัยอยู่ในเมียนมาได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี