คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ครบรอบ 1 ปีแห่งการเข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศด้วยการรัฐประหารไปเมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นธรรมดาที่ฝ่ายต่างๆ รวมทั้ง คสช.เอง จะพากันออกมาประเมินผลงานดู
วัดจากมุมของชาวบ้าน ก็มีผลสำรวจโพลล์ต่างๆ ไม่ว่า นิด้าโพลล์,สวนดุสิตโพล, มาสเตอร์โพลล์ เป็นต้น ส่วนมากก็ไม่แตกต่างจากผลสำรวจครั้งก่อนๆ กล่าวคือ คนไทยส่วนใหญ่ยังคงให้คะแนนความพอใจต่อการทำงานของ คสช.อย่างมากเรื่องการดูแลรักษาบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุข ถือเป็นการคืนความสุขส่วนหนึ่งให้คนไทย หลังจากที่ต้องตกอยู่ท่ามกลางความรุนแรงของสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องหลายปี แต่ในแง่ของการบริหารประเทศโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องชาวบ้านนั้น เป็นสิ่งที่ คสช.ยังไม่สามารถสร้างความสุขให้คนไทยได้
ตัวอย่างผลสำรวจสวนดุสิตโพล เรื่อง“ประชาชนคิดอย่างไรกับการก้าวสู่ปีที่ 2 คสช.”พบว่า กว่า 86% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รู้สึกสมหวังกับ คสช.ที่จัดการปัญหาความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ส่วนสิ่งที่ผิดหวังต่อการบริหารงานของ คสช.ช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้น 80.86% ผิดหวังต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ค่าครองชีพสูง ตามมาด้วยนโยบายด้านการเกษตร ราคาข้าว ราคายางตกต่ำ
ต้องยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเกษตรโดยเฉพาะราคาพืชผลตกต่ำ เป็นประเด็นที่กดดันรัฐบาล คสช.มาตลอดหลายเดือนมานี้ จนเกิดกระแสร่ำลือเรื่องการปรับครม. เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจอยู่หลายหน แต่ก็ยังไม่เป็นจริงสักที ท่ามกลางกระแสข่าววงในว่า เป็นเพราะการไม่ยินยอมให้เปลี่ยนตัวทีมเศรษฐกิจจากขั้วอำนาจพลังสูงใน คสช. ซึ่งนายกฯบิ๊กตู่เองยังต้องเกรงใจ
ดังนั้นท่าทีของนายกฯบิ๊กตู่ที่พูดต่อสาธารณะผ่านสื่อ จึงยังคงยืนยันที่จะโอบอุ้มคณะรัฐมนตรีทุกคนให้ร่วมทำงานกันต่อไป อ้างว่า เพราะที่ผ่านมาล้วนทำงานด้วยความเสียสละอย่างเต็มที
อย่างไรก็ตาม แม้นายกฯจะยืนยันให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจทุกคนทำงานร่วมกันต่อไปแต่ก็ได้ส่งสัญญาณ ให้เร่งปั๊มผลงานออกมาให้เข้าตาชาวบ้านให้ได้ด้วย เพราะลำพังจะอาศัยแต่บารมีของบิ๊กตู่ช่วยค้ำยันไว้แบบนี้ มันไปได้ไม่ตลอดแน่ กลับจะพลอยทำให้เครดิตบิ๊กตู่เสียหายมากขึ้นทุกที จนสะเทือนถึงเสถียรภาพรัฐบาลได้
เพราะเหตุนี้ จึงทำให้รมว.เกษตรและสหกรณ์-ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา หนึ่งในทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ตกเป็นเป้าถล่มมาตลอดเพราะยังแก้ปัญหาหนักหน่วงหลายเรื่องไม่เห็นผล โดยเฉพาะเรื่องสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ จึงต้องพยายามที่จะหาทางลงแส้ ไขลาน ให้กลไกข้าราชการในกระทรวงขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เป็นที่มาของกระแสข่าวที่ว่า จะมีปรับย้ายอธิบดีหลายกรม แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่คลอดออกมา
ล่าสุดเมื่อ วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้จะเป็นวันอาทิตย์ หยุดราชการ แต่รมว.ปีติพงศ์ก็ได้เรียกประชุมบรรดาข้าราชการระดับสูงของกระทรวง อธิบดีและรองอธิบดีทุกกรม เพื่อขันนอตการทำงานด่วน
โดยปลัดกระทรวงเกษตรฯ-ชวลิต ชูขจร เปิดเผยว่า เป็นการประชุมวางกรอบการทำงานภายใต้นโยบายที่นายกฯบิ๊กตู่มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯผลักดันงานออกมาให้เกิดรูปธรรมและสามารถตอบโจทย์ความต้องการเกษตรกรได้จริงทุกมิติ เพื่อให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนงานของคสช.และรัฐบาล ที่พร้อมจะส่งมอบให้รัฐบาลใหม่ได้สานต่อหลังจากมีการเลือกตั้งใหม่แล้ว
“ทั้งนี้จะเร่งปรับโครงสร้างการผลิตทุกชนิด เตรียมวางแผนการผลิตที่ดี ไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด ต้องเชื่อมโยงกับผู้บริโภค ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมและภาคการส่งออก ต้องตัดปัญหาราคาตกต่ำเป็นที่เป็นปัญหาต่อเนื่องมา โดยเฉพาะข้าว,ยางพารา,ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง เพื่อมิให้เกิดปัญหาด้านราคาในฤดูใหม่ ไม่ใช่ทำงานไปแต่ไม่มีทิศทางชัดเจนเหมือนที่ผ่านมา”ปลัดฯชวลิตบอก ทั้งระบุด้วยว่า งานทุกอย่างต้องขับเคลื่อนให้เห็นผลภายใน 3-6 เดือนต้องถือเป็นอีกครั้งที่รมว.เกษตรฯพยายามลงมือ “ขันนอต” ข้าราชการให้เกิดผลงานอย่างจริงจังให้ได้ ผมเองก็ขอเอาใจช่วย
แต่ถ้ากลไกข้าราชการตัวไหนที่มัน“ห่วย” จริงๆ ขันนอตอย่างไร เฟืองก็ไม่ยอมเดิน สมควรต้องรีบเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ หาคนที่ “ทำงานเป็น” มาใช้แทน...อย่าทนกับพวกกลไกยี่ห้อ “เส็งเคร็ง” ต่อไปเลย
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี