ไปรอบรั้วหลายรัฐในอเมริกามานานกว่าสองสัปดาห์ ก็ถึงเวลาที่จะได้กลับมา “รอบรั้ววัฒนธรรม” ตามปกติกันต่อไป.....ก่อนอื่นขออ้างเหตุที่ จากไปนานหลายวัน จึงเกิดอาการต่อไม่ติด ว่าข่าวสารด้านงานวัฒนธรรมในบ้านเรานั้นรุดหน้าไปแล้วหรือไม่? และแค่ไหน?เพียงใด?.....ขณะที่ต้องขอเวลาปะติดปะต่อเรื่องราวอีกสักพัก ก็จะขอเอาภาพกว้างๆ จากสังคมอื่นที่ได้เห็นมา มาบอกเล่าให้ฟังกันดีกว่า.....ว่าทุกวันนี้ สังคมของประเทศที่เขาเจริญแล้วอย่างเช่น สหรัฐอเมริกานั้น เขาวิ่งนำหน้าสังคมอย่างประเทศไทยไปอย่างแจ้งชัดที่สุดแล้ว ในเรื่องของการสื่อสารในโลกยุคใหม่ ที่ใช้เครื่องมืออันเดียวที่มีอยู่ในมือ มนุษย์ก็ทำทุกอย่างในชีวิตประจำวันได้ทั้งหมด.....นับตั้งแต่ตื่นนอน-ออกไปทำงาน-หรือไม่ออกก็ทำงานอยู่ในบ้านแล้วส่งไปที่สำนักงานได้-และหมดงาน จะไปมีกิจกรรม หรือไม่อยากมีกิจกรรมอะไรอย่างไรที่ไหน? มนุษย์ก็ใช้เครื่องมือเหล่านี้มีส่วนในการอำนวยความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ทั้งสิ้น.....เพราะฉะนั้นกิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์ ตั้งแต่กิน-อยู่-เดินทาง-ทำงาน-หรือนัดหมายคลายเครียดผู้คนจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้กันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตตามปกติธรรมดา.....ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่ม-สาว-คนแก่-คนรุ่นใหม่-หรือคนรุ่นใกล้ตายทุกคนต้องเรียนรู้การใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้เท่าเทียมกันหมด และทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น เพื่อว่าตัวเองจะได้รับประโยชน์จากสังคมมากขึ้นเช่นเดียวกัน.....สิ่งเหล่านี้ คือปรากฏการณ์ในสังคมสมัยใหม่ ที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ในประเทศที่โลกยอมรับกันว่าศิวิไลซ์แล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา.....เพราะฉะนั้น พอ “กาน แอนด์ โก”กลับมาถึงเมืองไทย มาอ่านข่าวเรื่อง“สิงคโปร์ประกาศนโยบายว่าจะทำให้ประเทศของตนเองเป็นสมาร์ทเนชั่น” เพื่อที่จะเอาเทคโนโลยียุคใหม่มาปรับใช้ในการแก้ปัญหาสำคัญๆ ของประเทศ.....และก็ได้ยินข่าวว่า “ญี่ปุ่นจะแจกแท็บเลตไอแพดให้กับผู้สูงอายุ 5 ล้านคน ในประเทศ” เพื่อที่จะให้คนแก่ในประเทศ(ซึ่งนับวันจะมีจำนวนมากขึ้นๆเช่นเดียวกับประเทศไทย) ได้มีทั้งเพื่อนแก้เหงาและทั้งเครื่องมือที่จะใช้ในการติดต่อรับบริการจากรัฐไปด้วยพร้อมกัน.....ฟังแล้วก็เข้าใจทันที ว่า นี่คือวิธีคิดของประเทศที่คนเขามีวิสัยทัศน์ก้าวไกล มองเห็นปรากฏการณ์ที่มีอยู่ในสังคมของประเทศที่เจริญแล้ว เขาก็พยายามคิดที่จะปรับสังคมของเขา ให้สมาชิกในสังคมได้คุ้นเคยกับเส้นทางที่มีอยู่ในประเทศที่ศิวิไลซ์นั้นเช่นเดียวกัน.....มองเขาแล้วก็ย้อนกลับมามองเรา ว่าทุกวันนี้ สังคมไทยมีสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่? หรือมีใครจะมีความคิดที่จะทำอย่างไรกันบ้างหรือเปล่า?.....“กานแอนด์ โก” ไม่ขอมองโลกร้าย ด้วยการเพิ่มวาทะแห่งความเกลียดชังว่า เพราะไอ้สิ่งนั้นสิ่งนี้!หรือเพราะเหตุนั้นเหตุนี้!ผลนั้นผลนี้! สิ่งเหล่านี้จึงได้เกิดขึ้น หรือยังไม่เกิดขึ้น!.....แต่อยากบอกเพียงแค่ว่า ขณะนี้ประเทศที่เจริญแล้ว เขาก้าวข้ามผ่านเราไปหลายเท่าตัวแล้ว เราน่าจะลองเปลี่ยนวิธีคิดกันบ้างซึ่งจะสามารถทำกันได้หรือไม่เพียงใด?.....คิดว่า ชีวิตของมนุษย์มิได้มีแค่เรื่องการเมือง หรือเรื่องที่ต้องขัดแย้งกันแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องที่มนุษย์จะต้องปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยของโลกที่กำลังจะมีการเปลี่ยนผ่านด้วย.....คิดแล้วก็พยายามมองโลกออกไปให้กว้างๆ และมองชีวิตในวันข้างหน้ากันให้มากกว่าการมองแต่วันนี้พรุ่งนี้ ขอได้โปรดตระหนัก ว่า ชีวิตของมนุษย์นั้นไม่ยาวเลย แต่ผลงานที่ดี-ร้ายของมนุษย์นั่นต่างหากที่จะอยู่ต่อไปอย่างยาวนานมากกว่า!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี