27 มิ.ย. 58 พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ หลังศาลอาญาตัดสินจำคุกนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีการบุกรุกที่ดินของรัฐ ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ซึ่งได้รับเป็นคดีพิเศษ 2 พื้นที่ ได้แก่
พื้นที่ที่ 1 เมื่อปี 2549 คณะกรรมการคดีพิเศษ ได้มีมติให้รับกรณีนายทุนชาวมาเลเซีย เชื้อสายจีน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในที่ดินของรัฐ ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา จำนวน 51 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ และนำที่ดินส่วนหนึ่งพร้อมกับการเขียนโครงการบ้านพักตากอากาศ โรงแรม สนามกอล์ฟ ห้างสรรพสินค้า ไปจำนองกับธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) และธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ได้รับเงินประมาณ 1,800 ล้านบาท ในช่วงปี 2537-2538 จากนั้นก็ไม่ชำระหนี้ ต่อมาธนาคารทั้งสองแห่งได้ปิดกิจการ โดยมูลเหตุที่สำคัญของการปิดกิจการเกิดจากการปล่อยสินเชื่อในวงเงินสูง ในลักษณะนำที่ดินของรัฐที่มีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบมาเขียนโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่า จากนั้นปล่อยทิ้งร้างกลายเป็นหนี้เสีย ปัจจุบันมีหนี้สินพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับผู้กระทำผิดเป็นเครือข่ายของนายตัน เต็ก ไฮ้ หรือวาเลนติโน ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากมีคดีเกิดขึ้นได้หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย จึงได้ออกหมายจับไว้
พื้นที่ที่ 2 เมื่อปี 2549 คณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้รับกรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด ป่าเกาะยาวใหญ่แปลงที่ 1หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะยาวใหญ่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โดยกลุ่มนายทุนภูเก็ตรายใหญ่ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีต ทำการออกเอกสารสิทธิทับที่ป่าสงวนทั้งสองแห่งและทับที่ภูเขาสูงถึงยอดเขา รวมถึงการออกเอกสารสิทธิทับพื้นที่ราบตีนเขาที่ราษฎรทำกิน เป็นคดีพิเศษต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 อัยการสูงสุดได้ชี้ขาดให้ฟ้องนายทุนภูเก็ตจำนวน 4 ราย ฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ
ผลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้พบว่า เป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติมากแห่งหนึ่ง และพบว่ามีการใช้ ส.ค.1 จากที่ดินแปลงอื่นมาอ้างออกบนภูเขาและเขตป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2552 ดีเอสไอได้ร่วมกับท้องถิ่นทำการตรวจสอบ ส.ค.1 ในพื้นที่อำเภอ โดยพบว่ามี ส.ค.1 ที่ยังไม่ได้ถูกแทงจำหน่ายออกจากสารบบจำนวน 892 ฉบับ โดยใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ ผลปรากฏว่าสามารถตรวจสอบ ส.ค. 1 ได้จำนวน 654 แปลง แยกเป็นที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิไปแล้วจำนวน 475 แปลง อยู่ระหว่างการออกโฉนด 102 แปลง และพบว่ามีชาวบ้านที่มีที่ดินและยังไม่ได้ออกโฉนดอีกจำนวน 77 แปลง สามารถนำเอา ส.ค.1 ที่ได้ค้นหามานานหลายสิบปีและไม่พบ แต่ได้มาพบในโครงการ นำเอา ส.ค.1 ไปออกโฉนดได้ โครงการนี้จึงถือได้ว่าเป็น "เกาะยาวโมเดล" ที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันการบุกรุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ป้องกันการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และมีผลพลอยได้ที่ทำให้ประชาชนมีความสุขกับการได้ออกเอกสารสิทธิ เพราะที่ดินมือเปล่าบนเกาะมีราคาไร่ละประมาณ 50,000 บาท แต่ถ้าออกโฉนดได้ราคาประมาณไร่ละ 1 ล้านบาท และเป็นที่ดินของนายทุนที่ไม่สามารถตรวจสอบได้จำนวน 238 แปลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้ถูกส่งไปยังสำนักงานที่ดินอำเภอเกาะยาวเพื่อให้แทงจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากสารบบ ต่อไป
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวว่า หลังพนักงานสอบสวนส่งอัยการฟ้องนั้น คดีพิเศษที่ 96/2549 และ 103/2549 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก นางสุวภัทร หรือ สุดใจ คีรีพอน , นายกระจ่าง คีรีพอน และ นายบุญเลิศ คีรีพอน คนละ 15 ปี ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และลงโทษปรับบริษัทจี้เลี้ยงการประมงภูเก็ต จำกัด เป็นเงิน 1 แสนบาท
ส่วนคดีพิเศษที่ 98/2549 บริษัทอุตสาหกรรมไทยโกโก้ , นายตัน จี้ เคี้ยง , พันตรีนคร ทองมี และ นางสุดใจ หรือสุวภัทร คีรีพอน จำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาได้ตรวจสำนวนแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานยึดถือครอบครองป่าโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน1แสน บาท จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 9 ปี
สำหรับคดีพิเศษที่ 122/2549 ศาลอาญามีความเห็นว่า นายตัน จี้ เคี้ยง หรือ จี้เคี้ยง แซ่ตั้ง หรือจี้เคี้ยง แซ่ตัน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พิพากษาจำคุก 5ปี ขณะที่คดีพิเศษที่ 100/2549 ล่าสุดศาลอาญาพิพากษา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ลงโทษ ศาลพิพากษา 5 คดีสั่งจำคุก นายณรงค์ เต็มวิจิตร อดีตนายอำเภอเกาะยาว 24 ปี และจำคุก นายอุหมาด บุญสพ กำนันตำบลพรุใน 4 ปี ในความผิดต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา
พร้อมกันนี้ ตัดสินจำคุก พ.ต.อ.ธนัย มีอำพล , นายสุรัตน์ ปลูกไม้ดี และ นายกระจ่าง คีรีพอนผู้ครอบครองที่ดิน 4 ปี ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 สำหรับนายกระจ่าง คีรีพอน ได้หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลอาญาได้ออกหมายจับไว้แล้ว
ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ เสนอความเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการออกเอกสารสิทธิ์และผู้สำรวจพื้นที่ก่อนออกหลักฐานใดๆ ควรจะยึดเกาะโมเดลเป็นหลัก เพื่อความถูกต้องด้านกฏหมายและโปร่งใส รวดเร็ว ซึ่งหากสำรวจโดยวิธีนี้เพื่อจัดการสค.1ให้ครบหมดทุกแปลงแล้ว ตนเชื่อว่าปัญหาช่องโหว่ทุจริตการออกเอกสารสิทธิในที่ภูเขาและป่าไม้จะหมดไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี