30 มิ.ย.58 นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวเสนอแนะนายกรัฐมนตรี และทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ เร่งติดตามอย่างใกล้ชิด และวางมาตราการรับมือกรณีประเทศกรีซผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งความเสี่ยงการถอนตัวจากสมาชิกสหภาพยุโรป หรือยูโรโซน จากปัญหาหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงมาก ที่ก่อให้เกิดความผันผวนจากตลาดการเงินโลกกระทบต่อไทย ที่มีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวอยู่แล้วที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้ และส่งผลต่อเศรษฐกิจภาคเกษตรรุนแรงขึ้น เพราะเกิดปัญหาจากภัยแล้งหนักในปีนี้ ทำให้ผลผลิตลดลง แต่ราคาข้าวกลับต่ำกว่า 8 พันบาทต่อตัน
"ผมเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังนิ่งเฉยต่อกลไกตลาดข้าว ทำงานไม่ปกติอย่างชัดเจน จึงขอเสนอให้นำมาตรการรับจำนำข้าวกลับมาใช้ระยะหนึ่ง เพื่อพยุงราคาอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เกษตรกรเดือดร้อนมากไปกว่านี้" นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ นโยบายแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว รัฐบาลในอตีดใช้มาต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศต่างๆ มีมาตรการกีดกันการส่งออกมาตลอด และปัญหาที่ผ่านมามีแต่ความชาวนายากจน แต่ภาคส่งออกกลับความร่ำรวย มาจากการขูดรีดผลประโยชน์ส่วนเกินจากผู้ผลิต คือ ชาวนา ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นผลจากกลยุทธด้านราคาเป็นหลัก และต้องกดราคาข้าวในประเทศให้ต่ำ ผู้ผลิตชาวนาจึงเป็นผู้แบกรับการขาดทุนมายาวนาน และยังเจอปัญหาภัยธรรมชาติที่มีแต่มาตราการช่วยเหลือเฉพาะหน้าจากภาครัฐ
"แผนรับจำนำข้าวชั่วคราวครั้งใหม่ต้องมีขั้นตอนโปร่งใส นำจุดอ่อนรัฐบาลที่แล้วมาทบทวน เช่น ไม่รับจำนำในราคาสูงเกินตลาดมากไป การรับจำนำจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่าใช้วิธีแจกเงินให้เกษตรกรต่อไร่ เพราะรัฐบาลยังมีสต๊อกข้าว และชาวนายากจนไม่ต่ำกว่า 3.45 แสนราย ได้รับเงินจำนำข้าวเฉลี่ยรายละ 94,579 บาท และชาวนาระดับกลางและรายได้สูงไม่ต่ำกว่า 2.69 แสนราย ได้รับเงินจำนำข้าวเฉลี่ยรายละ 405,937 บาท นอกจากนี้ ยังทำให้ชาวนาบางรายที่มีที่ดินขนาดนา 100 ไร่ขึ้นไป มีรายได้ปีละ 2 - 3 ล้านบาท หรือ ชาวนาที่มีที่ดินขนาดใหญ่จะได้รายได้เฉลี่ย 4 - 6.6 แสนบาทต่อปี ซึ่งรายได้แบบนี้ทำให้ภาคเกษตรกรรมไทยเติบโตและขยายตัวได้อย่างมั่นคงต่อไป โดยมาตราการรับจำนำนำมาใช้ช่วงระยะเป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ชาวนาหลุดพ้นจากกับดักความยากจน" นายอนุสรณ์ กล่าว
อีกทั้งการปฏิรูปประเทศเสนอรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหากระจุกตัวของการถือครองที่ดินในสังคมไทยถือว่าเป็นปัญหาเหลื่อมล้ำที่อยู่ในระดับรุนแรงมากๆ เนื่องจากกลุ่มที่ถือครองที่ดินคือคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศนี้ 10% ถือครองที่ดินเกือบ 90% ของทั้งประเทศที่สะท้อนถึงความไม่ธรรมและความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี