ผวาดีเดย์จับเรือผิดกม.
ตังเกประท้วง
พร้อมใจกันจอดสนิท
4กค.สงขลาหยุดทุกชนิด
อาหารทะเลส่อเกิดวิกฤติ
นายกฯลั่นไม่ขยายให้อีก
ฉุนขาดส่อเด้ง‘2อธิบดี’
หลังจากรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกาศก่อนหน้านี้ว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม จะดำเนินมาตรการจับกุมเรือประมงที่ผิดกฎหมายหรือผิดระเบียบทุกประเภท ส่งผลให้เรือประมงต้องหยุดทำการประมง ขู่ปิดอ่าว เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขหรือปรับปรุงเรือประมงให้ถูกต้องตามระเบียบได้ทันนั้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ว่า ได้แจ้งเตือนมาตั้งนานแล้ว แต่ปัญหาคือ ไม่ให้ความร่วมมือ และบอกว่าทำไม่ได้ แก้ไม่ทัน ขอให้รัฐบาลชะลอ แล้วอยากถามว่าแล้วองค์กรต่างประเทศจะชะลอให้หรือไม่ ซึ่งจะก็ไม่ ฉะนั้นก็ต้องแก้ไขปัญญหา วันที่ 1กรกฏาคม ใครทำไม่ได้ก็ต้องมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป แต่มันออกทะเลไม่ได้อยู่แล้ว จะทำอย่างไรจะให้ผ่อนผันหรืออย่างไร ถ้าผ่อนผันแล้ว IUU เล่นมาจะทำกันอย่างไร จะส่งผลกระทบต่อการค้า การประมงทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ IUU (Illegal, Unreported and Unregulated Finishing) เป็นกฎระเบียบว่าด้วยการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม เป็นกฎระเบียบที่คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้ประกาศการบังคับใช้ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2551 แต่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 และเมื่อช่วงต้นปีทาง IUU ได้เพ่งมองมาทางประเทศไทยที่ไม่ปฎิบัติตามระเบียบดังกล่าวโดยเฉพาะธุรกิจการประมง ซึ่งไม่สอดคล้องกับความรับผิดชอบของรัฐ เพื่อการสงวนอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และหากไม่แก้ไขให้ถูกต้องอาจมีปัญหาและอุปสรรคในการส่งออกสินค้าประมงไปทางยุโรปได้
“บิ๊กตู่”ไม่อ่อนข้อให้เรือประมง
“ตรงนี้ผมถามว่าท่านจะเลือกอันไหน ที่ยังไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วมาเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอ ผมบอกถ้าปิดไม่ออกก็คือไม่ออก ทำผิดกฎหมายก็ดำเนินคดี ปัญหานี้เราปล่อยกันมานานแล้วเพราะอะไรก็เพราะความยากจน ที่ผ่านมาก็เลือกปฏิบัติ วันนี้ต้องปฏิบัติเหมือนกันหมดทั้ง
“พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
และว่าไม่ได้รังแกชาวประมง เพราะให้โอกาสมานานแล้ว วันนี้ ต้องดูกติการะหว่างประเทศ จับปลาแล้วขายไม่ได้จะไปขายใคร ราคาปลาตกก็จะมาเรียกร้องให้ตนอุดหนุนราคาปลากันอีก มันเยอะไปหมดทุกเรื่องต้องสอนให้คนคิดใหม่
ฉุนส่อเด้งอธิบดีประมง-เจ้าท่า
มีรายงานข่าวว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ช่วงหนึ่งว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่พอใจการทำงานของ 2 กรม คือ กรมเจ้าท่า และ กรมประมง ในการแก้ไขปัญหาไอยูยู เพราะที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ติดตามข่าวสารมาโดยตลอดเกี่ยวกับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาไอยูยูและเร่งแก้ไขปัญหาข้อเรียกร้องของกลุ่มประมงที่ไม่ยอมทำตามหลักสากล จากมาตรการตรวจเข้มของศูนย์ตรวจเรือประมงเข้า-ออก Port in-Port out หรือ PI-PO ที่มีการตรวจละเอียดทั้งทะเบียนเรือ อาชญาบัตร การใช้แรงงานในเรือประมง แต่พยายามขอยืดระยะเวลาออกไปอีก
“เป็นไปได้อย่างไร ทั้งอธิบดีกรมประมงและกรมเจ้าท่า อ้างว่าไม่มีบุคลากร ไมมีกฎหมาย และไม่มีงบประมาณ จึงไม่อาจจะแก้ไขปัญหาได้ หากอ้างแบบนี้ทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำจะให้คนอื่นทำแทน” แหล่งข่าวกล่าว
จี้เร่งเคลียร์ปิดอ่าวภายใน15ก.ค.
และว่านายกฯ ให้ทั้ง 2 กรมรีบหาข้อยุติกับกลุ่มประมงที่ออกมาเรียกร้อง ด้วยการออกมาชี้แจงทำความเข้าใจให้ชัดเจนถึงนโยบาย รวมถึงเส้นตายในการกำหนดมาตรการปิดอ่าวในวันที่ 15 ก.ค.นี้ และมาตรการดังกล่าวไม่สามารถยือระยะเวลาออกไปได้อีกแล้ว โดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับกลุ่มประมง และไม่อาจจะผ่อนผันได้อีกแล้ว
“นายกฯย้ำว่ากลุ่มประมงต้องปรับตัวไม่อาจจะให้รัฐบาลเข้าไปโอบอุ้มได้อีก เพราะหาก ไอยูยูประกาศห้ามส่งออกนำเข้าสินค้าประมงไทย ย่อมกระทบต่อราคาสินค้าประมง และจะทำให้ราคาสินค้าประมงในประเทศตกต่ำ จากนั้นก็จะเกิดปัญหาใหม่ตามมา คือ การออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือหรือเยียวยาราคาสินค้าประมงภายในประเทศ ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง”แหล่งข่าวระบุ
เรือประมงโอดเครียดกันหมด
ด้านนายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมงสมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ ยังไม่มีการขับเคลื่อนใดๆ มีเพียงแต่ประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกและเรือประมงทุกลำทราบว่า ทางศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.). ได้มีมาตรการเข้มและจะออกตรวจจับเรือทุกลำในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้เครียดกันไปหมด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะกฎหมายบังคับแล้ว เรือไม่ถูกต้องจึงต้องจอดโดยปริยาย
เรือจอด80%-กระทบอาหารทะเล
นายกำจร กล่าวว่า ขณะนี้มีเรือจอดหยุดประมาณ 80% เป็นอย่างน้อย ซึ่งผลกระทบคือ ถ้าเรือจอดนาน เครื่องมือทำประมงก็เกิดเป็นสนิม จะออกทะเลก็ต้องลงทุนใหม่ รวมทั้งเรื่องของสินค้าที่ต้องส่งให้ร้านอาหาร ซึ่งถ้าร้านอาหารขาดอาหารทะเลอาจมีผลกระทบถึงการท่องเที่ยวด้วย และที่สำคัญผู้ประกอบการประมงต้องรับภาระเกี่ยวกับค่าแรงที่ต้องจ่ายให้คนงาน ซึ่งปัญหาที่ชาวประมงกลัวมากสุดคือเรื่องของอาชญาบัตร โดยอาชญาบัตรน่าจะมีการออกแบบการจัดอบรม รวมทั้งเรื่องของแรงงานที่ขณะนี้มีการปิดการต่อใบอนุญาตแล้ว
วอนศปมผ.ผ่อนผันไปก่อน
“หากเรือจอดหยุดแรงงานทั้งหมดก็จะไปหางานใหม่ แต่ถ้าแรงงานไปหมดแล้วเราต้องรับแรงงานใหม่พวกนี้ไม่มีบัตรรับมาก็ผิดอีก เรือก็ออกไม่ได้ออกไปก็ผิด ทางสมาคมประมงจึงอยากบอกให้ ศปมผ. ทราบว่าจริงๆ แล้วน่าจะมีการสำรวจเรือให้เสร็จเสียก่อน และหาข้อยุติว่าเรือเรามีเท่าไรทั้งเรือเล็กเรือกลางเรือใหญ่แล้วก็มาสรุปอีกทีว่า เรือเราเกินศักยภาพกว่าที่ทะเลจะผลิตทรัพยากรให้เราจับหรือไม่ ไปถึงตรงนั้นค่อยจะมาใช้กฎหมายบังคับจะดีกว่าไหม แต่ทาง ผบ.ศปมผ.ก็ใช้บังคับเลย เพราะจะรีบทำหนังสือส่งให้อียู” นายกสมาคมประมงสมุทรสาคร กล่าว
ไม่มีใครกล้าออกกลัวโดนจับ
ขณะเดียวกันที่ท่าจอดเรือประมงสะพานท่าเรือพลี ต.บางปลาสร้อย และบริเวณสะพานใหม่ ต.มะขามหย่ง อ.เมืองชลบุรี พบว่ามีเรือประมงขนาดใหญ่และเล็กจอดอยู่ประมาณ 100 ลำ หลังทราบข่าวว่ารัฐบาลจะทำการจับกุมผู้ประกอบการเรือประมงที่มีเครื่องมือประมงผิดกฎหมายจำนวน 15 ประเภท ธุรกิจอาหารทะเลซบเซา
นางมะลิ วงษ์บุปผา อายุ 57 ปี เจ้าของเรือประมงฎมะลิฎ กล่าวว่า เราเป็นชาวประมงรากหญ้ามีรายได้แทบไม่พอค่าน้ำมัน และค่าแรงลูกเรือ เจ้าของเรือประมงทุกรายตอนนี้ไม่มีใครกล้าออกเรือ เพราะกลัวโดนจับ ถ้าไม่นำเรือออกทะเลแล้วจะเอาอะไรกินกัน เดือดร้อนกันไปหมด” นางมะลิ กล่าว ทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไข
เตรียมรวมตัวต่อรองกับรัฐบาล
ส่วนนายอนุกูล นันทกิจ กำนัน ต.อ่างศิลา จ.ชลบุรี กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลออกกฎเกณฑ์ต่างๆ 15 ประเภทมา ผู้ประกอบการเรือประมง ก็ไม่กล้านำเรือออกหาปลาเพราะกลัวถูกจับ สินค้าอาหารทะเลที่ขายกันที่สะพานปลาอ่างศิลา ก็มีจำนวนน้อยลง ถ้าเดือดร้อนคงต้องพึ่งสมาคมผู้ประกอบการประมงชลบุรีให้ช่วยหาทางออก แต่ถ้าเดือดร้อนกันหนักเข้าเหล่าผู้ประกอบการอาชีพเรือประมง อาจจะรวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนผันกฎเกณฑ์ต่างๆ
รื้อเรือขายทิ้งเป็นเศษเหล็ก
ด้านบริเวณท่าเทียบเรือชลาลัย ท่าเรือกัลปังหา และท่าเรือบ้านคลองมะขาม ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ประมาณ 500 ลำจอดสนิท ไม่กล้าออกทะเลการสำรวจส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมายโดยเฉพาะทิเรือประมงไม่มีใบอาชญาบัตร
นายดาว วรรณศุข อายุ 50 ปี ชาวประมงพื้นบ้านรายหนึ่ง กล่าวว่า ตงไม่ออกไปทำประมงอีกแล้ว เพราะเรือประมงไม่ถูกต้อง ไม่รู้จะทําอย่างไรดีแล้ว แก้ปัญหาไม่ตก จึงให้ลูกน้องรื้ออุปกรณ์การทําประมงทุกชนิดเท่าที่จะขายได้ออกมาให้หมด เพื่อขายเป็นเศษเหล็กและจอดเรือไว้ในท่าเรือพร้อมประกาศขายให้กับผู้สนใจ
ด้านนางน้ำทิพย์ วัชรานนท์ ผู้ประกอบการประมงต่อเนื่องที่ท่าเรือชลาลัย กล่าวว่า
ได้แก้ไขปัญหาเรื่องประมงตามที่รัฐบาลกำหนดไปแล้ว 80-90 เปอร์เซ็น แต่ไม่ครบทั้งหมด
เพราะบางลำ ไม่มีใบอาชญาบัตร ใช้ไต๋เรือที่ไม่ใช่คนไทย ไม่สามารถออกไปทำประมงได้
สตูลพร้อมใจกันหยุดออกเรือ
ส่วนสถานการณ์ประมงที่จ.สตูล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือประมงอวนลาก อวนล้อม และอีกหลายประเภทต่างจับกลุ่มวิพากษ์ถึงการใช้มาตรการกฎเหล็กที่ดีเดย์ในวันที่ 1 กรกฏาคมนี้ หากใครฝ่าฝืนให้มีการยึดเรือและ ไปต่อสู้ในชั้นศาลทันที ทำให้เรือประมงพาณิชย์ต่างๆ ร่วม 150 ลำ พร้อมใจกันหยุดเดินเรือเพราะเกรงกลัวมาตรการในครั้งนี้จนกว่าจะมีทิศทางที่ชัดเจนของรัฐบาล
นายชิดชัย ออมทรัพย์สิน อดีตนายกสมาคมประมงจังหวัดสตูล กล่าวว่า หลังเรือของตนได้เข้าเทียบท่าก็ต้องหยุดเดินเรือทันที เพราะเกรงมาตรการกฎเหล็ก 15 ข้อที่รัฐบาลได้มีการออกมาบังคับใช้ แม้จะทำประมงมานานแต่หลายข้อไม่สามารถจะทำได้ อาทิ การขอใบอนุญาตการใช้วิทยุ และใบประกาศการใช้วิทยุ และอีกหลายข้อ ทำให้ต้องหยุดเดินเรือ เพราะกลัวจะถูกจับ
สงขลาเดือดสั่งหยุดธุรกิจทั้งหมด
ที่จ.สงขลา มีการประชุมหารือระหว่างสมาคมประมง จ.สงขลา กับผู้ประกอบการเรือประมงกว่า 1,000 ลำ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประมง รวมประมาณ 200 คน ที่ห้องประชุมองค์การสะพานปลา ท่าเทียบเรือประมงใหม่ อ.เมือง จ.สงขลา
โดยนายประพร เอกอุรุ นายกสมาคมประมง จ.สงขลา เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ในวันที่ 4 ก.ค. นี้ เรือประมงใน จ.สงขลา ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งมีอยู่กว่า 1,000 ลำ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประมงทุกประเภท ทั้งแพปลา ห้องเย็นและโรงน้ำแข็ง จะหยุดกิจการพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกันกับผู้ประกอบการประมงอีกหลายจังหวัดที่จะหยุดกิจการพร้อมกันทั่วประเทศ โดยขณะนี้รอเพียงเรือประมงอีกบางส่วนที่อยู่ในทะเลให้กลับเข้าฝั่ง และขึ้นสินค้าสัตว์น้ำที่ท่าเรือให้เป็นที่เรียบร้อย
รับเรือส่วนใหญ่อาชญาบัตรผิด
นายประพร กล่าว ทั้งนี้เนื่องจากจากเรือประมงส่วนใหญ่ใน จ.สงขลา กว่าร้อยละ 90 มีอาชญาบัตรผิดประเภทไม่ตรงกับเครื่องมือประมง จึงไม่สามารถออกทำการประมงได้ เพราะ จะถูกศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมงจับกุม และต้องเสียค่าปรับที่สูงมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้ทำหนังสือขอผ่อนปรนในเรื่องปัญหาอาชญาบัตรไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ปัญหา และการช่วยเหลือผู้ประกอบการประมง ซึ่งชาวประมงใน จ.สงขลา และชาวประมงทั่วประเทศต้องการให้มีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวออกไปก่อน
ปัตตานีวอนให้ขยายเวลา
วันเดียวกันนายภูเบศ จันทนิมิ นายกสมาคมประมงปัตตานี กล่าวว่าช่วงนี้ชาวประมงต้องปรับตัว แต่คงไม่มีการปิดอ่าว
“ปัตตานีมีเรือประมง ประมาณ 5,000 ลำ โดยเป็นเรือขนาดเล็ก 4,000 ลำ และประมงขนาดใหญ่ พานิชย์จำนวน 1,000 ลำ รายได้ของจังหวัดหลักมาจากการประมง ปัจจุบันนี้ชาวประมงเดือดร้อนมาก ส่งผลต่อโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปทางการประมงด้วย” นายภูเบศ กล่าวและเรียกร้องให้มีการขยายเวลาให้ชาวประมงได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวไปอีกระยะหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี