1 ก.ค. 58 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ ต่อต้านการค้ามนุษย์ และพ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม 1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาสำคัญรายใหญ่ 2คน ในคดีพิเศษที่ 12/2558 กรณีอาชญากรรมข้ามชาติเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในรูปแบบบังคับใช้แรงงานในเรือประมงในน่านน้ำสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
โดยคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับแจ้งว่ามีแรงงานประมงไทยถูกหลอกลวงบังคับไปทำงานในเรือประมงบริเวณเกาะอัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และต่อมารัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือนำคนไทยเหล่านี้กลับมายังประเทศไทย ซึ่งดีเอสไอรับคดีนี้ไว้เป็นคดีพิเศษ 4 คดี และ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอดจนทราบข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คน
นางสุวณา กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้(30มิ.ย.)ดีเอสไอได้นำกำลังจับกุมนายชยุตพงศ์ เจริญพร ซึ่งหลบหนีการจับกุมไปกบดานที่จ.ชลบุรี และขยายผลจนสามารถจับกุมนายสำรวย ฉัตรกรด ได้ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นตัวการใหญ่คดีค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของเครือข่ายนายหน้าค้ามนุษย์ในเรือประมงตัวการใหญ่ในจังหวัดสมุทรสาคร และอยู่ในขบวนการเดียวกับนายมนตรี มัคผล หรือ“ตึ๋ง” ที่ดีเอสไอจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นนายหน้าคนสำคัญที่หาแรงงานในพื้นที่ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ไปทำงานยังเกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเชีย อย่างไรก็ตาม ขบวนการดังกล่าวดีเอสไอจับผู้ต้องหาได้ 3 คน และเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่หลบหนีและเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี
ด้านพ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม 1 ดีเอสไอ กล่าวว่า นายชยุตพงษ์ และ นายสำรวย ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นการตัวการสำคัญระดับสั่งการให้กลุ่มนายหน้าเถื่อน ที่อยู่ตามสถานีรถไฟ และ สถานีขนส่งไปหลอกลวงเหยื่อตามสถานีรถไฟ สถานีขนส่ง สวนสาธารณะ โดยจะเลือกกลุ่มคนที่ดูยากจน เร่ร่อน และกลุ่มคนที่รอขึ้นรถไฟฟรีก่อนหลอกไปควบคุมตัวไว้ร้านคาราโอเกะของนายชยุตพงษ์ แถวหัวลำโพง ต่อจากนั้นจะนำเหยื่อไปไว้ที่บ่อกุ้งในจังหวัดสมุทรสาคร และให้ดื่มสุรา เพื่อยากต่อการหลบหนี ก่อนส่งขายต่อให้เจ้าของเรือประมงโดยได้ค่านายหน้าคนละ 3 หมื่นบาท เพื่อนำตัวลงเรือไปทำงานบนเรือประมงที่เกาะอัมบนประเทศอินโดนีเซีย
พ.ต.ท.คมวิชช์ กล่าวว่า ขบวนการนี้มีพฤติกรรมเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ตั้งแต่ปี 2551 โดยหลอกลวงเหยื่อเพื่อส่งเรือประมงเดือนละ 5 - 7 คน หรือเฉลี่ยปีละ 60 คน ซึ่งแก๊งค์นี้มีรายได้ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน โดยหลังจากนี้ดีเอสไอจะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือซึ่งยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป รวมทั้งผู้ต้องหาในคดีพิเศษอีก 2คดี ซึ่งมีความเกี่ยวพันและเกี่ยวข้องกันในคดีค้ามนุษย์ส่งแรงงานทำงานในเรือประมงในอินโดนีเซีย ส่วนเจ้าของเรือประมงจะให้ความยุติธรรมในการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องการกระทำความผิดหรือไม่ ก่อนจะแจ้งข้อหา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาทั้ง 2 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2คน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ด้วยการบังคับใช้แรงงานประมง ร่วมกันหน่วยเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น จนเป็นเหตุผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และฐานหลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ ตามพ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528
โดยนางสุวณา กล่าวอีกว่า ในวันจันทร์ที่ 6 ก.ค.นี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหารือวางแนวทางปราบปรามการค้ามนุษย์ทั้งระบบ และพิจารณาปรับปรุงการบังคับใช้กฏหมายปราบปรามการค้ามนุษย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี