เปิดปมใหม่ฆ่าสมยศ
ฝีมือคนใกล้ชิด
ลูกแฉเอง-รุดให้การกองปราบ
อึ้ง!เปิดไดอารี่พบ22ชนวนดับ
ตำรวจมึนเรียกพยานสอบซ้ำ
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางรัศมี และน.ส.ณัฐธิดาสุธางค์กูร ภรรยาและลูกสาวของ นายสมยศ สุธางค์กูรอดีตเจ้าของสถานบันเทิงพระราม 9 คาเฟ่ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ที่บริเวณลานจอดรถร้านเฮงหูฉลาม ถนนพัฒนาการแขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มิถุนายน ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป.เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ภายหลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ไปแล้ว โดยนางรัศมี กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าประเด็นสังหารนายสมยศ มาจาก 2-3 เรื่อง คือเรื่องหนี้พนัน เรื่องความขัดแย้งการซื้อขายที่ดินย่านพระราม 9 และเรื่องการวิ่งเต้นล้มคดี
เตรียมเรียกสอบอีกหลายปาก
ด้าน พ.ต.อ.สุทิน กล่าวว่า ทาง บก.ป. ได้เชิญตัว ภรรยาและบุตรสาวของนายสมยศ มาพบเพื่อสอบถามถึงคำให้การที่ทั้งสอง ได้ให้ไว้กับพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ก่อนหน้านี้ โดยมีบางประเด็นที่ยังต้องการสอบถามเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อ นางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ , นายสมชัย นิตยา หรือเล็ก ชุมพร และ พ.อ.ภาณุ จันทร์ศรี หรือ เสธ.ณุ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้อาจจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องรายอื่นมาสอบปากคำด้วย
ย้ำมีแค่ก้อยที่รู้ความเคลื่อนไหว
ภายหลังการสอบปากคำที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชม. นางรัศมี เปิดเผยว่า ได้ให้ปากคำในประเด็นทั่วๆไป ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งข้อมูลของนายสมยศ โดยเป็นข้อมูลที่เคยได้ให้การกับทางพนักงานสอบสวน สน.คลองตันไปก่อนหน้านี้ และยืนยันว่าความเคลื่อนไหวของนายสมยศ ในวันที่เกิดเหตุมีเพียง นางศุภนิดา ที่รู้เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนของกรณีของเฮียม้อ หรือ เสี่ยม้อ นั้น โดยส่วนตัวไม่เคยคุยกัน เนื่องจากคดีความยังไม่สิ้นสุด ส่วนรถเบนซ์ที่สามีของตนขับในวันเกิดเหตุนั้น เป็นรถที่ทางเจ้าของที่ดินย่านพระราม 9 ที่มีเรื่องพิพากกันนำมาจำนำไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนและลูกสาวจะเดินทางไปให้ปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต่อไป และในที่ 4 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. จะไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สน.คลองตัน
ลูกสาวเชื่อฝีมือคนใกล้ชิด
ขณะที่ น.ส.ณัฐธิดา กล่าวว่า ตนและคุณแม่เชื่อว่าการตายของคุณพ่อ น่าจะมีคนใกล้ชิดรู้เห็น และมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากคนที่ต้องสงสัยไม่ถูกกับตนและคุณพ่อด้วย พร้อมกันนี้ได้เล่าว่า ตนเพิ่งทราบเมื่อ 4 ปีที่แล้วว่า นายสมยศ มีภรรยานอกสมรสและมีลูกชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งภรรยารายนั้น เคยเป็นนักร้องคาเฟ่ ปัจจุบันอยู่ที่ จ.เชียงราย แต่ตัวลูกชายมาอยู่ที่ กทม. และก่อนหน้าที่ นายสมยศ จะเสียชีวิตประมาณ 1 ปี น้องชายต่างมารดารายนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป แสดงท่าทีให้รู้ว่าไม่ชอบ นายสมยศ และตนเองอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะขาดการติดต่อกันไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจได้นำสมุดบันทึกของนายสมยศไปทำการตรวจสอบแล้ว
ทีมสืบสวนเช็ควงจรปิด-กรมธรรม์
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนได้นำกรรมธรรม์ที่นายสมยศทำไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่มาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีอยู่ 2 ฉบับ โดยฉบับแรกได้ทำให้บิดาและมารดาของนายสมยศ และให้กับลูกสาวคือ น.ส.ณัฐธิดา รวมทั้งได้นำโฉนดที่ดินของนายสมยศ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามี 9 ฉบับ มาตรวจสอบเพื่อหาความเชื่อมโยงต่อไป
เปิดไดอารี่พบ22ปมขัดแย้ง
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้การคลี่คลายคดีมีความคืบหน้าไปมาก ทางชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานวัตถุชิ้นสำคัญคือ สมุดไดอารี่ส่วนตัวของเสี่ยสมยศ จากการตรวจสอบพบข้อความระบุความขัดแย้งหลากหลายประเด็นกว่า 22 ประเด็นด้วยกัน ทำให้ทางตำรวจต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่สามารถนำมาสู่มูลเหตุของการสังหารครั้งนี้
ไม่มีปัญหาครอบครัว
ส่วนความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว พบว่า นางรัศมีกับนายสมยศไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด อีกทั้ง นางรัศมียังได้ชักชวนบุตรนอกสมรสของนายสมยศมาช่วยดูแลธุรกิจอีกด้วย เนื่องจากสงสาร เพราะฐานะทางนั้นค่อนข้างลำบาก ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง นางศุภนิดากับครอบครัวผู้ตายนั้นเริ่มต้นเมื่อประมาณ 20 ปี ก่อนหน้านี้ โดยนางศุภนิดา เคยทำงานอยู่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง และมีบ้านพักอยู่ใกล้กันกับนายสมยศ ก่อนที่นางรัศมีและนางศุภนิดาจะรู้จักกัน เนื่องจากเป็นคนภาคเหนือเหมือนกัน และภายหลังได้มีการไปหาสู่กันบ่อยครั้ง จนกระทั่งรู้จักกับเสี่ยสมยศ ก่อนจะเข้ามาเป็นคนสนิทในเวลาต่อมา
สอบบัญชีธนาคารย้อนหลัง
นอกจากนี้ทางตำรวจได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายสมยศ ซึ่งมีสมุดบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย สมุดเซ็นต์เช็ค หลายเล่ม โดยตรวจสอบบัญชีเก่าย้อนหลังทั้งหมด เพื่อหาเบาะแสความเชื่อมโยงของปมสังหาร พบว่าแต่ละบัญชีเงินหมุนเวียนไม่มากนัก แต่เงินจะกระจายไปตามแต่ละบัญชี ส่วนการทำกรมธรรม์ประกันชีวิตของผู้ตายที่มีจำนวนเงินที่น้อย เนื่องจากผู้ตายเคยพูดไว้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำไว้จำนวนเงินมากเกินไป
เร่งแกะรอยคนร้ายแต่ยังไร้วี่แวว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย พบว่าจุดสุดท้ายที่ปรากฎบนภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นบริเวณย่านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซ.รามคำแหง24 แต่หลังจากนั้นก็หายไป เนื่องจากกล้องบางตัวไม่มีคุณภาพเพียงพอ และเส้นทางดังกล่าวค่อนข้างมืด ทำให้ยากแก่การมองเห็น ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังแบ่งกำลังไปตรวจสอบเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนีละแวกใกล้เคียง ก็ยังไม่พบวี่แววแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี