ดร.อภิชาต จงสกุล
จากปัญหาการนำพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมไปใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตร รวมถึงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำการเกษตรอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน โดยขาดการจัดการที่ถูกวิธีและขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม
จนทำให้ดินเกิดความเสื่อมโทรม ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่งผลให้พืชที่ปลูกให้ผลผลิตลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร ทำให้สารเคมีตกค้างในดิน น้ำ พืช สิ่งมีชีวิตและมนุษย์ นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ผลิตผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
ดร.อภิชาต จงสกุล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า จากภารกิจหลักของกรมพัฒนาที่ดินที่ดูแลในเรื่องของการสำรวจดิน วิเคราะห์และวิจัยดิน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับดิน การติดตามสถานการณ์การใช้ที่ดิน การวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ดิน ทั้งในด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ การปรับปรุงบำรุงดิน และการแก้ไขปัญหาดินที่มีปัญหาในการทำการเกษตร โดยได้มอบนโยบายให้สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตทั้ง 12 แห่ง สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัด ตลอดจนหมอดินอาสาซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดินในชุมชนที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้รณรงค์ส่งเสริมการปรับปรุงบำรุงดินให้กับเกษตรกรในพื้นที่ โดยวิธีการปรับปรุงบำรุงดินที่ทำได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ คือ การใช้ปุ๋ยพืชสด ซึ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ได้จากการปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น พืชตระกูลถั่วต่างๆ ปลูกแล้วให้ทำการไถกลบหรือตัด สับ ต้น ใบ ส่วนต่างๆ ลงดินในขณะที่พืชยังเขียวสดอยู่ มีธาตุอาหารและน้ำหนักสูงสุด และควรไถกลบขณะที่ต้นถั่วเริ่มออกดอกไปจนถึงระยะที่ดอกบานเต็มที่ เนื่องจากในระยะนี้ต้นถั่วเจริญงอกงามสูงสุด เมื่อไถกลบจะทำให้ปริมาณอินทรียวัตถุ ธาตุไนโตรเจนสะสม และธาตุอื่นๆ อยู่ในดินสูงด้วย ทิ้งไว้ให้ย่อยสลายผุพัง จึงปลูกพืชหลักตามหลังได้หลังไถกลบประมาณ 7-15 วัน ซึ่งปัจจุบันนี้เกษตรกรอาจเลือกปลูกพืชบางชนิดที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อน แล้วจึงไถกลบเศษซากพืชลงไปในดิน ก็พอจะอนุโลมเป็นปุ๋ยพืชสดได้เช่นกัน นอกจากนี้ พืชที่ปลูกเพื่อใช้เป็นปุ๋ยพืชสดยังช่วยคลุมดิน รักษาความชื้นในดิน ลดการชะล้างพังทลายของดินและควบคุมวัชพืช
สำหรับพืชที่จะนำมาปลูกเพื่อไถกลบเป็นพืชปุ๋ยสดควรเป็นพืชตระกูลถั่ว เช่น ปอเทือง ถั่วลาย ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม
ถั่วมะแฮะ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วกระด้าง โสน เนื่องจากพืชประเภทนี้เจริญเติบโตได้เร็ว และเป็นพืชตระกูลถั่วซึ่งมีแบคทีเรียกลุ่มไรโซเบียมอาศัยอยู่ในปมรากถั่ว ทำให้สามารถตรึงแก๊สไนโตรเจนที่มีอยู่ในอากาศและนำมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น เมื่อไถกลบพืชเหล่านี้ลงดินและเกิดการเน่าเปื่อยผุพังสลายตัว ไนโตรเจนที่สะสมอยู่ในพืชก็จะถูกปลดปล่อยออกมาสู่ดิน และอยู่ในรูปที่พืชปลูกติดตามมาสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้
อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวอีกว่า การปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อไถกลบบำรุงดิน อาจปลูกทั้งพื้นที่ในแปลงใหญ่แล้วไถกลบก่อนปลูกพืชหลัก หรือปลูกแซมระหว่างร่องของพืชหลัก โดยปลูกหลังจากพืชหลักเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว เพื่อป้องกันการแย่งธาตุอาหาร จากนั้นไถกลบลงในร่องระหว่างแถวพืชหลัก หรือปลูกในพื้นที่อื่นแล้วตัดสับมาใส่ในแปลงพืชที่ปลูกไว้ การตัดหรือสับและไถกลบพืชปุ๋ยสดควรทำในขณะที่พืชนั้นกำลังเติบโตเต็มที่ คือต้นพืชอยู่ในระยะออกดอกจนถึงดอกบานเต็มที่ ซึ่งเป็นช่วงที่พืชมีปริมาณไนโตรเจนและน้ำหนักสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูแล้งนี้ เกษตรกรควรปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน โดยไถกลบให้เป็นปุ๋ยเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ตลอดจนเก็บเมล็ดพืชปุ๋ยสดบางส่วนไว้จำหน่ายให้กับกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อสร้างรายได้ และบางส่วนก็เก็บไว้ใช้ในปีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี