จังหวัดสุรินทร์ มีคำขวัญว่า “สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ปะคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม” จังหวัดนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูง ตอนล่างอีสานใต้ มีชื่อเสียงระดับโลก ด้านการเลี้ยงช้างการทอ ผ้าไหมข้าวหอมมะลิ มีผู้คนหลายเผ่าและภาษา เช่น ไทยอีสานเขมร ส่วย หรือ กูยมีประชากรมากเป็นอันดับ 11 ของประเทศเป็นเขตติดต่อกับแนวชายแดน ราชอาณาจักรกัมพูชา
มีแม่น้ำมูลไหล่ผ่านเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรเพาะปลูก เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย สัตว์น้ำต่างๆ เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของราษฎร นอกจากนี้ยังมีลำน้ำธรรมชาติที่สำคัญ 8 สาย คือ แม่น้ำมูลลำน้ำชีน้อย ลำห้วยอารีย์ ลำห้วยพลับพลา ลำห้วยระวี ลำห้วยทับทัน ลำห้วยสำราญ และลำห้วยแก้ว เป็นลำน้ำที่เอื้อประโยชน์แก่จังหวัด หากไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะ ฝนแล้งจะมีน้ำตลอดทั้งปี
ปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกับ จังหวัดสุรินทร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ จัดงาน “วันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2558” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมือง
จ.สุรินทร์ เพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้ทางการเกษตรและเทคโนโลยี ให้กับประชาชน นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรการเกษตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ทราบความก้าวหน้าของวงการเกษตร และเห็นความสำคัญของอาชีพการเกษตร
นางปาริชาติ ศรีวิพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน เปิดเผยว่า งานวันเกษตรแห่งชาติ ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญงานหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยในแต่ละปีจะมีการหมุนเวียนสถานที่จัดงานไปยังสถาบัน การศึกษาที่มีการเรียนการสอนด้านการเกษตร ที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ภายใต้ความร่วมมือสนับสนุนของหน่วยงานในท้องถิ่นนั้นๆ สำหรับปีนี้ คณะกรรมการอำนวยการจัดงาน เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เป็นเจ้าภาพจัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2558 ภายใต้แนวคิด “ภูมิปัญญาเกษตรกรไทย นำอาเซียนให้ก้าวไกล นำเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน”
พิธีเปิดมีขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 โดยได้รับพระกรุณาจาก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จเป็นองค์ประธาน ทั้งนี้ งานวันเกษตรแห่งชาติ ครั้งนี้ เป็นการช่วยให้เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียงมีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้
“การจัดงานวันเกษตรแห่งชาติครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อนำผลงานด้านวิชาการ งานวิจัย และความรู้ ตลอดจนบทบาทของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกรที่ผ่านกระบวนการบูรณาการ
ความรู้ในแต่ละองค์ความรู้มาเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพื่อให้เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสชมและนำเอาความรู้ต่างๆ เหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิตประจำวัน
อีกทั้งจะเป็นการต่อยอดให้นักวิชาการเกษตรกร และหน่วยงาน
ในการที่จะนำไปทำการพัฒนาต่อ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่งานด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น”
นางปาริชาติ กล่าวว่า งานนี้ ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้นำเสนอผลงานในรูปแบบของการจัดนิทรรศการ การจำลองรูปแบบนวัตกรรม เทคโนโลยี และการสาธิตอย่างยั่งยืน จำแนกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย
โซนที่ 1 นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อให้ผู้ร่วมชมงานได้ชื่นชมในพระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจด้านการเกษตร อาทิ งานศึกษาและพัฒนาด้านข้าว ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดสกลนคร, โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, นิทรรศการการก่อสร้างท่าเทียบเรือประมงหัวหินตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงอำเภอหัวหินในการจอดเรือและขนส่งสินค้าสัตว์น้ำขึ้นฝั่ง
โซนที่ 2 นิทรรศการแสดงผลงานของหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ นิทรรศการภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์พันธุ์ข้าว 4 ภาค” นิทรรศการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ให้ความรู้เรื่องระบบการชลประทานโดยการจัดแสดงโมเดลบนพื้นดิน, นิทรรศการโมเดลจำลองรูปแบบศูนย์เรียนรู้ของครูบัญชีอาสาในจังหวัดสุรินทร์ที่ประสบความสำเร็จจากการทำบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ และใช้ข้อมูลทางบัญชีในการทำแผนประกอบอาชีพ,นิทรรศการตู้ปลาไทยในวรรณคดี ตามพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, โมเดลดินที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวหอมมะลิ, นิทรรศการการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน,นิทรรศการการเลี้ยงไหมครบวงจร จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน, นิทรรศการโครงการพระราชดำริฝนหลวง แสดงแบบจำลองขั้นตอนการเกิดฝนหลวง, นิทรรศการยางพารา, ฟาร์มโคนมตัวอย่าง 4 ภาค, บริการตอบข้อซักถามปัญหาด้านการผลิตพืช และกิจกรรมการสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์
โซนที่ 3 นิทรรศการแนวทางการทำเกษตร “ทฤษฎีใหม่” และเกษตรพอเพียง ประกอบด้วย แปลงนาสาธิตการทำเกษตรทฤษฎีใหม่, แปลงผักสวนครัวและพืชสมุนไพร, มะนาววงบ่อ, การใช้ประโยชน์ในบริเวณบ้านเกษตรกร “ทฤษฎีใหม่”
โซนที่ 4 การออกร้านจำหน่ายสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
ของเกษตรกร จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, กิจกรรมการประกวด การประกวดกล้วยน้ำว้า มะพร้าวน้ำหอม ข้าวสารหอมมะลิ 105, การประกวดนกกางเขนดง ไก่ชนสวยงาม / โชว์ไก่ต่อ ไก่ตั้ง ประกวดกระบือ ประกวดไก่แจ้สวยงาม การประกวดไก่แจ้ซารามอ การประกวดกระบือ การประกวดโคลูกผสมชาร์โรเลส์และบราห์มัน, เวทีเสวนาทางวิชาการ, การแข่งขันตอบปัญหาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์, การอบรมถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยีการเกษตร
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม การอบรมสกัดสารจากพืชสมุนไพรเพื่อใช้ในการป้องกันกำจัดหนอนใยผัก อบรมขยายพันธุ์พืชสมุนไพรที่หายากและใกล้สูญพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช การประชุมวิชาการงา ทานตะวัน ละหุ่ง คำฝอย และสบู่ดำแห่งชาติ ครั้งที่ 7 / การประชุมทางวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 3 / การสัมมนาวิชาการราชมงคลสุรินทร์วิชาการ ครั้งที่ 7 การอบรมอาชีพระยะสั้น เป็นต้น
การจัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ครั้งนี้ เป็นการช่วยให้เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียงมีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรม ผลงานวิจัยและวิชาการใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การปรับแนวคิด ปรับพฤติกรรม และต่อยอดในกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการผลิตอาหารปลอดภัยมีคุณภาพตามมาตรฐานตามข้อกำหนดสากล รวมทั้งการสร้างทักษะในการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อพัฒนาชีวิตตนเองและท้องถิ่นให้อยู่รอด พอเพียง และมั่นคงยั่งยืน
สมใจ นามสุดตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี