เปิดศึกแย่งนำ
ลพบุรีร้องผู้ว่าฯห้ามทัพ
ชาวบ้าน2ฝ่ายเผชิญหน้า
ถนนกรุงเก่าทรุดขยายวง
เขื่อนใหญ่เข้าใกล้วิกฤติ
จ่อเตรียมลดระบายเพิ่ม
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม จากปัญหาภัยแล้งส่งผลให้ถนนเลียบคลองพระยาบันลือ ทรุดตัวในพื้นที่ อ.ลาดบัวหลวง 2 จุด ที่ ต.สามเมือง ทรุดลึกกว่า 2 เมตร กว้าง 6 เมตร ยาว 500 เมตร และ ต.คลองพระยาบันลือ ทรุดลึกกว่า 2 เมตร กว้าง 6 เมตรยาว 100 เมตร ยังสร้างความเสียหายขายเป็นวงกว้างออกไปอีก
ถนนทรุดเพิ่มขยายวงกว้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด บนถนนเส้นเดียวกันในพื้นที่ หมู่ที่1ต.คลองพระยาบันลือ ห่างจากจุดเดิมประมาณ 5 กิโลเมตรที่ถนนทรุดตัวลงลึกกว่า 2 เมตรยาวกว่า 100เมตร ช่วงเช้า พบถนนได้ทรุดตัวลงไปอีก 50 เซ็นติเมตรได้ส่งผลกระทบขยาย เป็นวงกว้าง ทำให้ดินไหลทะลักลงไปปิดขวางทางน้ำคลองพระยาบันลือและเขื่อนคอนกรีตป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่ริมตลิ่งได้หักพังทลายลงตามไปด้วย จากกรณีนี้ ชาวบ้านในพื้นที่วิตกอย่างมาก เนื่องจากอยู่ในแนวรัศมีเป็นที่ตั้งของถังน้ำระบบประปาหมู่บ้านขนาดใหญ่ อาจได้รับผลกระทบจากแนวตลิ่ง และถนนเลียบคลองพระยาบันลือพังทรุดตัวทำให้ถังน้ำประปาล้ม ทับบ้านเรือนประชาชนและต้องขาดแคลนน้ำช่วงหน้าแล้ง ทำให้ชาวบ้านเกรงจะขาดแคลนน้ำได้เร่งขุดท่อสูบน้ำที่ตี้นเขินให้ลึกกว่าเดิม เพื่อจะสูบเก็บกักตุนน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภคขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาแก้ไขป้องกันไม่เหตุร้ายเกิดขึ้นซ้ำสอง
นายฤทธิ์สรรค์ เทพพิทักษ์ นายอำเภอ(นอภ.)ลาดบัวหลวงเผยได้ประสานงานกับ แขวงทางหลวงชนบท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเครื่องจักรหนัก เข้าดำเนินการเปิดหน้าผิวจราจรที่ทรุดตัวออก ทำการอัดบดเนื้อดินให้แน่นแล้วเสริมด้วยดินลูกรังอัดบดอีกชั้น เพื่อเปิดเส้นทางให้ประชาชนได้สัญจรเป็นการชั่วคราวจะเริ่มดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างเร็วที่สุด
ผู้ว่าฯกรุงเก่าสั่งร่งซ้อมใน 3วัน
วันเดียวกัน นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเจ้าหน้าที่ แขวงทางหลวงชนบทจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และผู้รับเหมาถนนเส้นทางดังกล่าวเข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายถนนเลียบคลองพระยาบันลือที่พังทรุดตัวทั้ง 2 จุด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้สะดวก โดยได้สั่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนให้แขวงทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา นำเครื่องจักร รถแบลคโฮ เข้ามาเปิดหน้าถนนที่พัง ขุดลอกออกทั้งหมด ตอกเสาเข็มยึดชั้นดินก่อนถมดินใหม่อัดบดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เบื้องต้นจะให้ปรับผิวจราจรอัดบดดินลูกรังให้รถยนต์สัญจรผ่านไปได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน จะให้แล้วเสร็จภายใน3วัน ส่วนระยะยาวต้องตอกเสาเข็มยึดชั้นดินปูผ้ายางอัดบดดินลูกรังและราดยางแอตฟั้ลให้ได้มาตราฐาน
พบ2จุดกรุงเก่าเสี่ยงถนนทรุด
ส่วนจุดเสี่ยงบนถนนสายดังกล่าวพบว่ายังมีอีกหลายจุดได้สั่งการให้ท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตรวจ เข้มงวด ห้ามรถบรรทุกหนักขึ้นมาวิ่งบนถนนเด็ดขาดเพราะจะส่งผลกระทบต่อถนนให้ถนนพังได้ ส่วนจุดเสี่ยงถนนต่างๆในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่ามีอีก2แห่งด้วยกัน อยู่ที่ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา 1 แห่ง และที่ ต.บ้านชุ้ง อ.นครหลวง อีก 1 แห่ง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบป้องกันแล้ว
เผยทั้งจังหวัดโดนแล้ว7แห่ง
ด้านนายนพดล อมรเวช ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเผยว่าถนนที่ทรุดตัว 2 จุด เป็นของสำนักงานทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยาได้เปิดประมูลงานรับเหมา แต่ยังไม่หมดสัญญาค้ำประกันเนื่องจากก่อสร้างมาไม่ถึง 2 ปี โดยผู้รับเหมา จะเร่งปรับดินอัดบดถนนให้แน่นและจะดำเนินการให้เสร็จภายใน15 วัน ขณะนี้ได้ปิดการจราจรทั้ง 2 จุด พร้อมติดป้ายเตือน และป้ายบอกใช้เส้นทางเลี่ยงโดยให้ข้ามสะพานหน้าอำเภอ แล้ววิ่งถนนฝั่งตรงข้ามคลอง ซึ่งเป็นถนนที่แคบกว่า แต่สามารถใช้งานแทนได้ส่วนช่วงภัยแล้งปีนี้ในจ.พระนครศรีอยุธยา มีถนนทรุดตัว 3 จุดคือที่ อ.ลาดบัวหลวง 2 จุด อ.เสนา 1จุดและตลิ่งริมน้ำพัง มี4 จุด คืออ.ท่าเรือ อ.บางซ้าย อ.บางปะอินและอ.วังน้อย อำเภอละ 1 จุด
สระบุรีทุ่ม10ล้านซ่อมถนนทรุด
ความคืบหน้าถนนเลียบคันคลองระพีพัฒน์ระหว่างอ.หนองแค-คลอง13ทรุดดินสไลด์ ยาวกว่า 200 เมตร ลึกกว่า 3 เมตร ส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถผ่านเสนทางนี้ได้ เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายมาติดประชาสัมพันธ์ห้ามรถผ่านนั้น วันเดียวกัน นายสุรเดช เบ็ญจศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบท จ.สระบุรี พร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบบริเวณถนนทรุด ท้องที่ หมู่ที่ 8 ต.หนองโรง อ.หนองแค ซึ่งช่วงเช้าได้ให้ผู้รับเหมานำรถแบ๊คโครมาขุดตักดินลูกลังบริเวณถนนสไลด์ทรุดตัวและ ลงเสาเข็มด้านติดคลองระพีพัฒน์พร้อมปรับหน้าถนนให้เรียบเพื่อให้รถใช้เส้นทางผ่านไปมาได้ชั่วคราวก่อน ส่วนงบประมาณในการซ่อมถนนทรุดครั้งนี้ คาดว่าใช้กว่า10ล้านบาท
‘ประจิน’สั่งสำรวจทุกพื้นที่เสี่ยง
ขณะที่ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงถนนทรุดตัวในพื้นที่ จ.สระบุรี 2 เส้นทางว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบทจัดเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์เร่งทำการซ่อมแซมเพื่อให้สามารถกลับมาสัญจรได้ปกติ คาดว่าจะใช้เวลาในการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจะจัดงบประมาณบูรณะซ่อมแซมเส้นทางให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นพร้อมสั่งการให้ทำการตรวจสอบทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทั่วประเทศ
ลพบุรีแล้งจัดแม่น้ำบางขามแห้ง
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ได้ขยายวงกว้าง รุนแรงมากยิ่งขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ หลังจากที่แม่น้ำบางขาม ถือเป็นแม่น้ำสายหลักของชาวบ้านใน3 อำเภอ คือ อำเภอบ้านหมี่ อำเภอท่าวุ้ง และอำเภอเมือง ลพบุรี มีปริมาณน้ำลดลงทำให้น้ำในแม่น้ำบางขาม ช่วงประตูระบายน้ำ วัดท่าช้างหมู่ที่ 7 ตำบลบ้านชี อำเภอบ้านหมี่ แห้งขอดเป็นระยะทางยาวเกือบ1กิโลเมตรแล้ว จะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในตำบลบ้านชีและตำบลบางขามอีกหลายร้อยหลังคาเรือนจะไม่มีน้ำในการอุปโภคบริโภค
ร้องผู้ว่า-นอภ.ลงพื้นที่ห้ามทัพ
เบื้องต้น ผู้นำท้องถิ่นในลุ่มน้ำบางขาม ได้ขอให้ส่วนราชการโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอบ้านหมี่ ให้ลงพื้นที่มาดูแลความเดือดร้อนชาวบ้านที่กำลังขาดน้ำอุปโภคบริโภคหลังจากน้ำในแม่น้ำบางขามแห้งขอด เนื่องจากมีชาวนาบางส่วนได้สูบน้ำจากแม่น้ำบางขาม เข้าพื้นที่นาข้าวจำนวนกว่า 500-1,000ไร่ใน ต.บางขามและ ต.มหาสอน ส่งผลให้น้ำลดลงอย่างรวดเร็ว จนชาวบ้านที่กลัวไม่มีน้ำใช้ไปพูดคุย ได้เริ่มเกิดการทะเลาะกันขึ้นกับชาวนากับชาวบ้านที่กลัวขาดน้ำใช้เรียกร้องขอให้ส่วนราชการรีบลงมาแก้ไข ก่อนที่จะเกิดการเปิดศึกแย่งน้ำกินกับน้ำทำนาขึ้นในอีกไม่ช้านี้
จ่อลดระบายน้ำจากเขื่อนใหญ่
วันเดียวกัน นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เรียก นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทานและตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือถึงสถานการณ์น้ำ ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่ากรมชลประทาน ได้รายงานต่อที่ประชุมว่ามีแนวโน้มลดการระบายน้ำจากเขื่อน เพื่อการเกษตรลงเนื่องจากมีผลกระทบจากสถานการณ์ปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนภูมิพล ไม่เป็นตามคาดการณ์ ทั้งนี้ ทางกรมชลประทานได้เตรียมพร้อมจัดงบประมาณไว้แล้วเพื่อจ้างแรงงานเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้งทั่วประเทศ
“ในส่วนการปรับลดลงเท่าไหร่ ยังไม่สามารถตอบได้เพราะต้องนำผลการประชุมของคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ ที่มีตัวแทน 10 หน่วยงานร่วมวประเมินสถานการณ์ นำมาพิจาณากันอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้”แหล่งข่าวระบุ
อุตุฯแจ้งพายุ2ลูกไม่พัดเข้าไทย
ในวันเดียวกัน นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทานเผยภายหลัง เป็นประธาน ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ครั้งที่11ว่าที่ประชุมได้รับทราบรายงานสภาวะอากาศจากผู้แทนจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจากการติดตาม พายุ 2 ลูก คือพายุหลินฟา และพายุจันหอม ที่กำลังก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลประเทศฟิลิปปินส์ ขณะนี้แนวโน้ม พบว่าพายุทั้ง 2 ลูกจะไม่เข้าไทยแล้วโดยพายุหลินฟา จะเคลื่อนตัวเหนือไทยขึ้นไปทางประเทศไต้หวัน ส่วนพายุจันหอมจะเคลื่อนตัวเหนือไทยไปขึ้นฝั่งภาคตะวันออกของประเทศจีน พร้อมยังคาดว่าจะมีฝนดีขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคมเป็นต้นไป และ จะมีฝนหนาแน่น ในเดือนสิงหาคมนี้
พร้อมกันนี้ จะจัดตั้งคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ชลประทาน เร่งลงสำรวจพื้นพื้นที่ถนนคันคลองชลประทานยุบตัวเสียหายอย่างรุนแรง บางแห่งทรุดตัวมากถึง3 เมตร เบื้องต้น สาเหตุอาจจากการลดการระบายน้ำจากเขื่อนหรือจากปริมาณน้ำใต้ดินที่ลดลงหรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของลักษณะดินซึ่งจะต้องเร่งตรวจสอบ
อำนาจเจริญวิกฤติ มีน้ำใช้60วัน
สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เข้าขั้นวิกฤติรุนแรง หลังฝนทิ้งช่วงกว่า1เดือน ทำให้แหล่งน้ำหลัก 2 แห่งในการผลิตน้ำประปา หล่อเลี้ยงชาวเทศบาลเมืองอำนาจเจริญได้แก่อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน และห้วยสีโท มีน้ำเหลือแค่ก้นอ่าง การประปาส่วนภูมิภาค สาขาอำนาจเจริญ ระบุน้ำดิบทั้ง 2 แห่ง จะมีน้ำใช้ทำประปาอีกถึง 60 วัน ถ้าฝนไม่ตกเลย ย่านธุรกิจในตัวเมืองอำนาจเจริญและศาลากลาง จ.อำนาจเจริญ จะไม่มีน้ำใช้ทั้งหมด
นายสุทธินันท์ บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากฝนไม่ตกลงมากว่า 1 เดือน ส่งผลให้นาดอน ต้นข้าวเหี่ยวแห้งตายเกือบ 50,000ไร่ และทยอยแห้งตายอย่างต่อเนื่อง จึงมีการปล่อยน้ำไปตามคลองชลประทาน 2 ช่วงเวลา ทุกวันพุธ คือ เช้าและกลางวัน พร้อมขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่ามากที่สุด
อ่างคลองมะนาวบุรีรัมย์แห้งสุด40ปี
สถานการณ์ภัยแล้งในจ.บุรีรัมย์ ยังลุกลามอย่างต่อเนื่องพบว่า อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว ที่เป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาและเพื่อการเกษตร ที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ มีสภาพตื้นเขิน วิกฤตสุดรอบ40ปี จนตอไม้โผล่ หลังฝนทิ้งช่วงกว่า1เดือน นายสุพัฒน์ ฤทธิชู ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง อ.โนนดินแดงจ.บุรีรัมย์ เผยว่าในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง มีอ่างเก็บน้ำอยู่ 4 อ่าง คือ เขื่อนลำนางรอง, อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว, อ่างเก็บน้ำลำปะเทีย และอ่างเก็บน้ำลำจังหัน โดยอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อย คือ อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว ปัจจุบันเหลือน้ำเพียง 6 แสนลูกบาศก์ หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ จนต้องงดปล่อยน้ำทำนาหวั่นน้ำผลิตประปาไม่พอ ทั้งกระทบพันธุ์สัตว์น้ำ หดหายและลอยตายเกลื่อนเป็นจำนวนมาก
ทพ.ช่วยอรัญฯแล้งสุด100ปี
ที่ จ.สระแก้ว พ.อ.ปรมาธร บุนนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา (ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา) เผยว่า นางพัฒนา รัตนธรรม นายก อบต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ประสานขอทหารพรานช่วยเหลือเร่งด่วน ชาวบ้านหมู่บ้านโคกสะแบง ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กว่า 140 ครัวเรือน ที่อยู่ติดชายแดน ได้รับความเดือดร้อน ประสบภัยแล้งหนักสุดในรอบ 100 ปี ขาดน้ำดื่ม น้ำใช้ จากประสบภัยแล้ง ฝนไม่ตกนานนับเดือน จึงได้สั่งการให้นำรถยนต์บรรทุกน้ำ 2 คันไปขอสนับสนุนน้ำดื่มน้ำใช้จากสำนักงานประปาส่วนภูมิภาค อ. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยได้นำไปแจกจ่ายช่วยเหลือให้ราษฎรตามหมู่บ้านแล้ว
สุโขทัยวิกฤติเสียหาย1แสนกว่าไร่
ที่ จ.สุโขทัย นายสุเทพ ลิมปะพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดสุโขทัย เผยว่าจากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงนาน ปริมาณฝนไม่เพียงพอ ทำให้นาข้าว พืชไร่และพืชสวนต่างๆอยู่ในระยะวิกฤตเหี่ยวเฉาถาวร คาดจะเสียหาย90,120ไร่ในภาพรวมทั้งจังหวัด มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง6อำเภอ คือ อ.เมือง อ.บ้านด่านลานหอย อ.คีรีมาศ อ.ศรีสำโรง อ.สวรรคโลก และ อ.ทุ่งเสลี่ยม รวม34 ตำบล 266 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 9,693ครัวเรือน ส่วนพื้นที่การเกษตร ที่ประสบภัยแล้งทั้งหมดมี 130,929ไร่ ทางเกษตรจังหวัดสุโขทัยได้เร่งสำรวจพื้นที่เสียหายทั้งหมดและเตรียมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี