ผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มผู้ใช้ยางรายใหญ่ ทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ประกอบกับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคายางพาราปัจจุบันยังทรงตัวหรืออาจจะสูงขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากประเทศไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่สถานการณ์ยางพาราโดยรวมเริ่มมีทิศทางดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณสต็อกยางของไทยอยู่ในระดับที่ภาครัฐสามารถใช้กลไกตลาดปกติบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันภาครัฐยังเร่งดำเนินโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ทำให้สถานการณ์ยางพาราของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ
นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าการที่ภาครัฐได้เร่งขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง เป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้สถานการณ์ยางพาราเริ่มคลี่คลายและมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะโครงการควบคุมปริมาณการผลิตซึ่งมีเป้าหมายสนับสนุน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งรัดให้ลดขั้นตอนการปฏิบัติในการขอรับการสงเคราะห์ให้เร็วขึ้น และให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2558 ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรชาวสวนยางยื่นคำขอรับการสงเคราะห์ปลูกแทน จำนวน 39,990 ราย คิดเป็นเนื้อที่โค่นยาง จำนวน 446,116.33 ไร่ เกินเป้าหมายที่โครงการกำหนดไว้ จำนวน 400,000 ไร่ คาดว่า จะทำให้ปริมาณผลผลิตยางของไทยโดยรวมลดลง และมีปริมาณยางเข้าสู่ตลาดลดลง ซึ่งจะทำให้ราคายางขยับตัวสูงขึ้น
จากความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีเป้าหมายยึดคืนผืนป่าและตัดโค่นสวนยางที่บุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 600,000 ไร่เชื่อว่า จะส่งผลให้ปริมาณการผลิตยางพารามีความสมดุลกับความต้องการใช้ยางของโลกมากยิ่งขึ้น อันจะช่วยผลักดันราคายาง ตลอดจนเป็นการจัดระเบียบการปลูกยางของไทยให้เหมาะสมและยั่งยืนในระยะยาวด้วย
สำหรับฤดูการผลิตยางปี 2558/59 นี้ กระทรวงเกษตรฯ จะยังคงดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบอย่างต่อเนื่องตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด แต่มีการทบทวนบางมาตรการที่ยังไม่คืบหน้าและไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ซึ่งอาจมีการทบทวนว่า จะใช้มาตรการเดิมหรือใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการชดเชยรายได้ของเกษตรกร คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ 2 ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ปีนี้รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงราคายางพารา จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดปกติ โดยภาครัฐได้มีแผนเข้าไปรับซื้อยางด้วย แม้ไม่ได้อยู่ภายใต้โครงการมูลภัณฑ์กันชนฯ แต่เป็นการซื้อเพื่อส่งมอบให้กับผู้ซื้อของจีนตามสัญญารัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 200,000 ตัน อย่างไรก็ตาม ไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยางภายในประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อเพิ่มมูลค่ายางและลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ รวมทั้งกระชับความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติอื่นๆ อาทิ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อยกระดับราคายางในตลาดโลกให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากภาครัฐได้ดำเนินมาตรการควบคุมปริมาณการผลิตยาง โดยส่งเสริมให้เกษตรกรโค่นต้นยางเก่าที่มีอายุมากและมีการสงเคราะห์ปลูกแทน ทั้งยังมีการโค่นต้นยางที่ปลูกในพื้นที่ป่า ประกอบกับพื้นที่ปลูกยางในหลายจังหวัดประสบปัญหาภัยแล้ง และมีเกษตรกรบางส่วนงดการกรีดยางในช่วงราคาตกต่ำ ปี 2558 นี้ กระทรวงเกษตรฯคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณผลผลิตยางออกสู่ตลาดลดลงแต่ไม่มากนัก โดยคาดว่า จะมีผลผลิตยางทั้งประเทศ ประมาณ 4.27 ล้านตัน ลดลงจากปี 2557 ที่มีผลผลิตรวม 4.42 ล้านตัน คิดเป็น 3.51 %
สำหรับราคายางปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือว่าขยับตัวเพิ่มขึ้นแต่อัตราการเพิ่มยังไม่สูงมาก โดยราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรวมควันยังทรงตัวอยู่ที่ ประมาณ 50-60 บาท/กิโลกรัม ซึ่งคาดว่า ราคาจะทรงตัวไปจนถึงปี 2559 ทั้งนี้ เนื่องจากความต้องการยางในตลาดโลกโดยรวมยังคงซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ปีนี้กระทรวงเกษตรฯได้มีนโยบายเร่งรัดให้พัฒนาตลาดยางพาราภายในประเทศ โดยเชื่อมโยงเครือข่ายระบบตลาดต่างๆ ให้เป็นธรรมมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่องราคารับซื้อ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบตลาดยางพาราของไทยด้วย
“นอกจากนั้น กระทรวงเกษตรฯยังมีแผนเร่งส่งเสริมให้มีการยางภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นตามนโยบายรัฐบาล โดยเบื้องต้นได้มีการหารือกับบริษัทผู้ผลิตยางล้อให้เพิ่มสัดส่วนของการใช้ยางธรรมชาติในการผลิตยางล้อตามมาตรฐานสากลของ UNECE เพื่อนำร่องใช้งานสำหรับรถยนต์ของหน่วยในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เช่น กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และกรมปศุสัตว์ เป็นต้น ทั้งยังผลักดันให้มีการผลิตและใช้บล็อกยางปูพื้น และใช้ยางธรรมชาติปูพื้นคอกปศุสัตว์ เช่น คอกโคนม ตลอดจนการใช้ยางพาราผสมยางมะตอยลาดถนนหลายสาย เป็นแนวทางช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศเพิ่มมากขึ้นได้” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี