จังหวัดชลบุรี ขานรับมติการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้าปฏิรูปการจัดการศึกษาเพื่อการมีสัมมาชีพ ตอบโจทย์การพัฒนาภาคอุตสาหกรรม เปิด “ชลบุรีโมเดล” ผสานความร่วมมือภาคการศึกษา-ธุรกิจ ร่วมพัฒนาหลักสูตรการสอน ชู “อาชีวศึกษา” คำตอบ “เด็กชล” พร้อมต่อยอด “สัตหีบโมเดล” เตรียมความพร้อมเยาวชนสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ
คณะกรรมการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดชลบุรี และ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)จึงได้ร่วมจัด “เวทีการประชุมคณะกรรมการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดชลบุรี” ร่วมผลักดันการจัดการศึกษา “ชลบุรีโมเดล” โดยจับมือ“ภาคการศึกษา-ธุรกิจ” พัฒนาหลักสูตรเตรียมพร้อมให้เด็กชลบุรีมุ่งสู่การสร้างอาชีพและการมีงานทำ และต่อยอดความสำเร็จ “สัตหีบโมเดล”ของ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ สู่การจัดการศึกษาการมีสัมมาชีพทั้งจังหวัด
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวถึงค่านิยมของสังคมไทยในปัจจุบันว่า ต้องการให้ลูกหลานเรียนจบปริญญาตรีเพราะจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่จบมาแล้วไม่มีงานทำ เพราะไม่มีทักษะฝีมือ ขาดความอดทน และมองว่าการเรียนสายอาชีพนั้นจบมาก็เป็นแค่ลูกจ้าง ตรงนี้ต้องเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ว่า สิ่งเหล่านั้นคือการสั่งสมประสบการณ์ รวมไปถึงทักษะฝีมือเพื่อเติบโตขึ้นไปสู่เจ้าของกิจการ ดั้งนั้นทางออกของปัญหานี้ก็คือกระทรวงศึกษาธิการต้องให้อิสระในการจัดการศึกษาแก่ทุกจังหวัด
“แต่ละจังหวัดจะต้องมีคณะกรรมการที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของตนเอง โดยดึงเอาศักยภาพของภาคเอกชนเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเพื่อตอบโจทย์ของแต่ละธุรกิจ มีการจัดทำหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถานศึกษา และภาคเอกชน หน่วยงานราชการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงแรงงาน หรือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็จะต้องเข้ามาเชื่อมประสานข้อมูลต่างๆ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของจังหวัดไปพร้อมๆ กัน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้ท้องถิ่นของเขามีความเข้มแข็งจากการที่ประชากรในพื้นที่มีงานทำ”
นายวัชรินทร์ ศิริพานิช ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ กล่าวว่า “สัตหีบโมเดล” เป็นการจัดการศึกษาแบบ “ทวิศึกษา” หรือ WIL (Work Integrated Learning) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี และวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ในการผลิตและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณสมบัติและมีทักษะความรู้ความชำนาญที่สอดคล้องตรงตามความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิด “ผู้ใช้ร่วมคิด ผู้ผลิตร่วมกำหนด ภายใต้บริบทร่วมรับผิดชอบ” ที่จะขยายผลไปสู่ “ชลบุรีโมเดล” เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กนักเรียนในทุกระดับตั้งแต่อนุบาลจนถึงอุดมศึกษา
“เด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะเรียนและทำงานไปพร้อมกันจนจบ ปวช. และ ปวส. โดยจะมีรายได้ระหว่างเรียน โดยเรียนรู้งานภาคทฤษฎีจากในวิทยาลัยแล้ว พอเข้ามาที่บริษัทเขาจะเรียนรู้เรื่องภาคปฏิบัติ ซึ่งจะมีการปรับการเรียนรู้ให้เข้ากับวิชาในแต่ละช่วงที่เขาเรียน ซึ่งจะนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นรูปแบบที่ทางคณะทำงานของชลบุรีโมเดลได้คุยกันว่า อะไรคือนิสัยพื้นฐานที่เด็กชลบุรีจะต้องมีนั่นก็คือ ความซื่อสัตย์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความประหยัด ความพอเพียง ความคิดสร้างสรรค์ ใฝ่เรียนรู้ มุ่งผลสัมฤทธิ์งาน ฯลฯ ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่ผู้ประกอบการ และภาคอุตสาหกรรมต้องการ”
โดยผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นในหนึ่งในภาคีเครือข่ายของคณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดชลบุรี ยังได้เดินสายจัดกิจกรรมแนะแนวให้ความรู้กับคณะครูและนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดชลบุรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดจัดขึ้นที่ “โรงเรียนเกาะจันทร์พิทยาคาร” อำเภอเกาะจันทร์ เพื่อเปิดมุมมองใหม่ในการเรียนต่อในสาขาอาชีวะ และเปิดประสบการณ์ใหม่ต่อโลกของอาชีพและงานในสายอุตสาหหรรม เพื่อเพิ่มทางเลือกในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพในอนาคต โดยนำรุ่นพี่ที่เข้าร่วม “โครงการสัตหีบโมเดล” มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การศึกษาต่อและการทำงานกับรุ่นน้อง
นางวรดา ชำนาญพืช ประธานชมรมบริหารงานบุคคลชลบุรี และกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) ตัวแทนภาคอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมแนะแนวให้ความรู้กับเด็กๆ ระบุว่า ปัจจุบันจังหวัดชลบุรีมีปัญหาขาดแคลนแรงงานช่างฝีมือในด้านต่างๆ เป็นผลมาจากการที่เราเน้นให้เด็กเรียนปริญญาตรี ซึ่งจบมาแล้วไม่มีงานทำ สิ่งสำคัญก็เราจะเปลี่ยนทัศนคติพ่อแม่ในเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ทุกวันนี้เราเรียนไปโดยที่ไม่เข้าใจว่าประเทศไทยกำลังเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งชลบุรีโมเดลจึงเป็นทางออกด้านแรงงานฝีมือของผู้ประกอบการ โดยเด็กๆ นอกจากจะได้รับโอกาสทางการศึกษาแล้ว ยังได้ความรู้บวกประสบการณ์จริง ได้งานที่มั่นคง แล้วท้ายที่สุดประเทศแล้วไทยก็จะได้ประโยชน์ ไม่ถูกมองว่าเป็นแค่เป็นประเทศที่ขายแรงงานราคาถูก ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ เพราะฐานการผลิตอาจย้านไปในประเทศที่ค่าแรงต่ำกว่า ดังนั้นจุดขายของไทยจึงต้องคือการสร้างแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ”
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ กรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และผู้ทรงคุณวุฒิ สสค. เปิดเผยว่า ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติที่อยู่ในระหว่างการนำเสนอต่อรัฐสภาถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อการศึกษาของไทย โดยเฉพาะในมาตราที่ 48 ที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้ ที่ทาง สสค.ได้ทำงานกับเครือข่ายมากกว่า 10 จังหวัดทั่วประเทศ
“นับจากนี้การศึกษาจะไม่ใช่เรื่องที่จะมีการแบ่งกระทรวงหรือหน่วยงานในการทำงานอีกต่อไป สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ ที่จะถูกจัดตั้งหลังจาก พรบ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะมีทุกภาคส่วนทั้งกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสภาหรือสมัชชาการศึกษา ที่หลายๆ จังหวัดได้จัดตั้งขึ้นมาและดำเนินงานไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการศึกษา และพรบ.ฉบับนี้จะถูกประกาศใช้โดยไม่รอรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้ทิศทางของการศึกษาที่ทุกจังหวัดพยายามขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้เกิดมรรคผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เกิดการศึกษาที่หลากหลายและตอบโจทย์ชีวิตและการมีงานทำให้ทุกพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ท้องถิ่นเกิดความมั่นคงและยั่งยืน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี