คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เดินหน้าพัฒนาพื้นที่
สร้างความยั่งยืนเพื่อรากฐานชุมชนที่แข็งแรง
หมู่บ้าน คือ โครงสร้างทางการปกครองของไทยที่เล็กที่สุดและมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากในวันนี้เราสามารถทำให้
ทุกหมู่บ้านเข้มแข็งหรือพึ่งพาตนเองได้ประเทศไทยก็จะมีรากฐานที่แข็งแกร่งรวมถึงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาของคนในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น
คณะกรรมการหมู่บ้าน หรือเรียกโดยย่อว่า “กม.” ก่อกำเนิดขึ้นตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 เริ่มแรก กม. มีโครงสร้าง อำนาจ และหน้าที่ตามข้อบังคับว่าด้วยการดำเนินงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นเพียงองค์กรที่เกิดขึ้นตามกฎหมายทำให้การดำเนินงานยังขาดประสิทธิภาพกรมการปกครองจึงได้ปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของ กม. ให้ประกอบด้วยตัวแทนจากทุกภาคส่วน กำหนดให้มีการดำเนินงานตามหน้าที่ที่ชัดเจนโดยมีเป้าหมายให้เป็นองค์กรหลักรับผิดชอบด้านการบูรณาการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ดังแนวคิดที่ว่า “บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในระดับตำบลและหมู่บ้านซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ”
ในการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน “โครงการความเข้มแข็งของคณะกรรมการหมู่บ้าน ในการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 8-10
กรกฎาคม พ.ศ.2558 จ.สุราษฎร์ธานี โดยรับผิดชอบด้านการจัดทำแผนพัฒนา การบริหารกิจกรรม รวมถึงการดำเนินงานร่วมกับองค์กรต่างๆภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่บ้าน กำนันและนายอำเภอ
เช่น กรณีศึกษาที่ 1 ความเข้มแข็งของคณะกรรมการหมู่บ้านด้านการพัฒนาเศรษฐกิจโดยนายสุวัฒน์ บุญช้าง ผู้ใหญ่บ้านปากคลองน้อย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เป็นงานของทางราชการที่ส่งเสริมให้ชุมชนรู้จักการออมและหมู่บ้านต้องให้ความร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาลด้วยการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้รู้และมีแนวทางในการปฏิบัติตามโดยสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตสามารถกู้เงินเพื่อประกอบอาชีพเป็นระยะเวลาถึง 2 ปีหากจะกู้เกินกว่านั้นก็สามารถผ่อนผันได้แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่มีชาวบ้านคนใดกู้เกินกำหนดเพราะทุกคนมีกฎระเบียบวินัยเป็นของตนเอง
“รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับโครงการนี้มาสานต่อและมีความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่บ้านได้ดำเนินการตามแผนงานจนแผ่นดินเกิดมีความเจริญงอกงาม”
โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านปากคลองน้อยจะประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำสวนมะพร้าวและสวนผลไม้ มีการส่งออกสินค้าทั้งภายในและภายนอกชุมชน หลังจากนั้นจึงเริ่มมีโครงการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2534 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นกลุ่มองค์กรที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการเงินทุนที่เข้มแข็ง และมีการดำเนินกิจกรรมออมทรัพย์เพื่อการผลิตในเรื่องของการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจพอเพียง
เช่นเดียวกับ กรณีศึกษาที่ 2 ความเข้มแข็งของคณะกรรมการหมู่บ้าน ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากอดีตตำบลลีเล็ดยังไม่เคยมีโครงการอนุรักษ์ในด้านต่างๆ และยังคงมีการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายในการจับสัตว์น้ำจนเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของชาวบ้านเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพราะถ้าป่าชายเลนมีความอุดมสมบูรณ์ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราการเกิดของสัตว์น้ำ อีกทั้งด้านการท่องเที่ยวก็จะได้รับการพัฒนาให้เป็นที่น่าสนใจ
หากจะพูดถึงเสน่ห์ของ “ตำบลลีเล็ด” ที่ผูกใจนักท่องเที่ยวได้อย่างเหนียวแน่นนั้นคงหนีไม่พ้นความเป็นธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ที่ปราศจากสิ่งปนเปื้อน และยังมีพื้นที่ป่าชายเลนขนาดมหึมาถึง 7,818 ไร่ที่เปรียบเสมือนบ้านของสัตว์และไม้น้ำนานาพันธุ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ชาวบ้านหันมาตระหนักถึงการอนุรักษ์และมีความห่วงใยในทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
นอกจากเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วนั้น ก็ยังมีประเด็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะสามารถผลักดันให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ดังกรณีศึกษาที่ 3 ความเข้มแข็งของคณะกรรมการหมู่บ้าน ด้านการแก้ไชปัญหาภัยแล้งตามแนวพระราชดำริประชากรส่วนใหญ่ของตำบลบ้านทำเนียบประกอบอาชีพเกษตรกรรมมักประสบกับปัญหาภัยแล้ง ปัญหาการขาดแคลนน้ำ จึงได้มีการสร้างฝายและมีการดำเนินกิจกรรมร่วมกับทุกคนในชุมชนด้วยการทอดผ้าป่าหิน กล่าวคือ ประชาชนร่วมมือกันนำหินที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาทำเป็นฝายชะลอน้ำในลำคลองมะเลาะถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของตำบล โดยได้น้อมนำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วยหลักการ “ระเบิดจากข้างใน” มาปฏิบัติเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน อันเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อชะลอน้ำและกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามจำเป็น
กรณีศึกษาสุดท้ายความเข้มแข็งของคณะกรรมการหมู่บ้าน ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์พบว่า สภาพพื้นที่อำเภอบ้านตาขุนเป็นที่ราบสูงประกอบด้วย ป่า ภูเขา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เช่น “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย อีกทั้งยังได้มีการจัดระเบียบการเดินเรือนักท่องเที่ยวให้เป็นไปตามแบบแผน ไม่ว่าจะเป็นด้านของความปลอดภัยหรือการเป็นเจ้าบ้านที่ดี นอกจากนั้นเรือโดยสารทุกลำจะต้องมีการเก็บขยะที่หลงเหลือของนักท่องเที่ยวขึ้นมาทิ้งบนฝั่งเพื่อถือเป็นการอนุรักษ์พื้นที่การท่องเที่ยวให้ดำรงอยู่ต่อไป รวมทั้ง “หินพัด” จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะหินก้อนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผานั้นเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความสวยงามที่อยากให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้เข้ามาพิสูจน์
ร.ท.ภัทรชัย ขันธหิรัญ เลขานุการกรมการปกครอง สรุปว่า หมู่บ้านคือสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ การดูแลหมู่บ้านแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นคงไม่เพียงพอจึงต้องมีความร่วมมือกันระหว่างคณะกรรมการหมู่บ้านและชุมชนเพราะสองสิ่งนี้คือ ล้อหลักที่เป็นพลังสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนซึ่งแต่ละชุมชนจะต้องมีการเสริมสร้างฐานเศรษฐกิจที่ดีเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตามหมู่บ้านไม่ได้พัฒนากันแค่เพียงข้ามคืนเท่านั้น หากแต่ต้องเป็นการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีที่สิ้นสุด
พรทิพย์ อุทัศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี