ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณกว่า 6,500 ล้านบาท ช่วยเหลือเกษตรกร คนยากจน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือคนไร้บ้าน 4 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมว่า ครม.มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนที่ยากจน โดยเป็นโครงการที่มาจากความต้องการของประชาชนทั้งหมด 4,966 โครงการ 6,740 กิจกรรม แบ่งเป็น 9 หมวด ได้แก่ การพัฒนาอาชีพ (โอทอป) ใช้งบประมาณ 1,179,294,947 บาท การผลิตพืช 783,698,571 บาท ด้านปศุสัตว์ 969,702,756 บาท ด้านประมง 216,064,197 บาท เศรษฐกิจพอเพียง 129,233,314 บาท ด้านปัจจัยการผลิตทางการเกษตร 1,171,363,198 บาท ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 26,297,963 บาท ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร 1,961,917,198 บาท และด้านสาธารณูปโภค 91,517,886 บาท รวมใช้งบประมาณทั้งหมด 6,541 ล้านบาท โดยต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกร โดยใช้ชื่อว่า องค์กรเกษตรกร ที่เสนอโครงการฯมายังกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณา ในการดำเนินงาน แต่ละจังหวัดจะตั้งคณะทำงานประเมินผลสัมฤทธิ์แต่ละโครงการตามแผนที่เสนอมา
แผนฟื้นฟู2หมื่นกองทุนหมู่บ้านฉลุย
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติการทำแผนฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้าน ที่ยังไม่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองระดับจังหวัด ในหมู่บ้านที่ยังไม่ได้รับการเพิ่มทุนประมาณ 2 หมื่นกองทุน ที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติ เนื่องจากติดการมีหนี้เสียเกินกำหนด และยังมีปัญหาบริหารจัดการ ดังนั้น สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จะเสนอแผนฟื้นฟู 2 หมื่นกองทุนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ หรือยังไม่ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการกลั่นกรอง ต่อคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ขณะที่นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนกองทุนหมู่บ้าน รัฐบาลนี้ได้เพิ่มกองทุนหมู่บ้านไป 6,631 กองทุน และกำลังพิจารณาเพิ่มกองทุนของหมู่บ้านอื่นๆ กว่า 20,000 กองทุน ซึ่งที่รายงานมายังไม่มีประสิทธิภาพและยังไม่ผ่านการกลั่นกรองของคณะกรรมการจังหวัด ดังนั้น วันที่ 6 สิงหาคมจะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับธนาคาร เพิ่มแผนฟื้นฟูพัฒนาประสิทธิภาพให้หมู่บ้านที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาได้รับกองทุนหมู่บ้านให้เสร็จภายใน 2-3 เดือน.
อนุมัติ7พันล.เยียวยาเหยื่อภัยแล้ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาจากภัยแล้งว่า ครม.อนุมัติงบประมาณกว่า 7 พันล้านบาท ที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรฯช่วยกันดูแล เรื่องการจ้างงานและการช่วยเหลือ การเตรียมปลูกพืชรอบใหม่ ซึ่งเรื่องการจ้างงานเริ่มดำเนินการแล้ว และได้รับรายงานมาว่าได้ผลดี ทั้งนี้ จากการที่ตนปรับแก้จากครั้งที่แล้วว่าการจ้างงานเป็นรายบุคคลอาจได้น้อย เพราะทุกคนไม่ได้รวมกันมา วันนี้เป็นการเหมาจ่ายทำเป็นโครงการ ซึ่งตนสั่งไปว่าให้คิดเร็วๆ หารถแม็คโครมาแล้วจ่ายค่าน้ำมันไป ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทำเพิ่มขึ้นมา นอกเหนือแผนบริหารจัดการน้ำ การทำแบบนี้ทำให้คนทั้งหมู่บ้านมาช่วยกันได้ ในเรื่องการตกแต่ง การขนย้ายทำให้เขามีรายได้เพิ่ม
“ตอนนี้ผมเป็นห่วงเรื่องวาตภัย พายุเริ่มเข้ามาตามลำดับ เป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม ตอนนี้ท่วมกับแล้งผสมกันไป เฉลี่ยแบ่งปันทุกข์สุข รัฐบาลก็ต้องดูแล แต่จะดูแลทุกคนให้เท่ากันคงไม่ได้ ต้องดูมากน้อยแบ่งกันตามลำดับ”นายกฯกล่าว
สั่งพม.หาที่อยู่ให้คนไร้บ้าน4ล.คน
และว่า ในที่ประชุมครม.ตนสั่งการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)หาที่อยู่อาศัยให้ผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยในประเทศไทยประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งเป็นการวางแผนระยะยาวในการนำคนเหล่านี้ไปอยู่ใอพาร์ตเม้นต์หรือแฟลต ที่ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับปีนี้สิ่งที่พม.ทำคือ นำคนเข้าไปอยู่ในสิ่งปลูกสร้างที่ทำไว้แล้ว แต่ขายไม่หมด หรือไม่ผ่อนต่อช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ประมาณ 1.3 หมื่นยูนิต อีกทั้ง ยังสั่งให้หาที่อยู่ใหม่ให้ผู้ที่อาศัยบุกรุกลำคลอง โดยให้เขาผ่อนชำระไป อาจใช้ที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงคมนาคม โดยตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องตั้งเป้าและวางยุทธศาสตร์ว่าาต้องนำคน 4 ล้านคนนี้ ให้มีที่อยู่อาศัยได้ภายใน 5-10 ซึ่งตนไม่อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ทำกิน มีคณะกรรมการฯดำเนินการอยู่ ซึ่งกำลังทำในส่วนภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนที่เหลือต้องใส่ไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้สานต่อ
6มาตรการกระตุ้นศก.ยังไม่เข้าครม.
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุม ครม.ว่า ยังไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้านของกระทรวงการคลัง หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศระบุจะเสนอเข้าครม.วันเดียวกันนี้
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้านที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ประกอบด้วย 1. มาตรการกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบราง ถนน น้ำ สนามบิน 2.มาตรการกระตุ้นการส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)รวมถึงโครงการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโครงการที่ผ่านการลงทุนเศรษฐกิจเฉพาะทาง 3.มาตรการกระตุ้นโดยใช้นโยบายการเงินการคลัง 4.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการที่มีอยู่ในงบประมาณประจำ 5.มาตรการกระตุ้นโดยกองทุนหมุนเวียน และ 6.มาตรการปรับปรุงจัดการสหกรณ์ที่มีอยู่
เร่งลงทุน1.5แสนล.กระตุ้นศก.
ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลังเปิดเผยว่า ได้รายงานมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้าน ให้นายกฯและม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯรับทราบแล้ว ทั้งหมดเป็นมาตรการที่มีอยู่แล้ว แต่จัดหมวดหมู่ให้เห็นภาพว่ามีงบเท่าใด ดำเนินการคืบหน้าเพียงใด นอกจากนั้น ยังรายงานให้ทราบถึงโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ 3-4 กระทรวง หรือประมาณ 20 หน่วยงาน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท กระจายอยู่ในโครงการท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งเบิกจ่าย ให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายนายฯที่ต้องการให้เกิดการจ้างงานและช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่นให้ได้ 10 ล้านคน ซึ่งการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ก็เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอของบกลาง 6,500 ล้านบาท ช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจน นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเข้าระบบเศรษฐกิจจำนวนหนึ่ง ในส่วนจังหวัดประสบภัยแล้ง เช่น สุโขทัย สุพรรณบุรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี