สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้น เกษตรกรสามารถกลับมาดูแลข้าวที่กำลังตั้งท้อง หรือ เกษตรกรบางรายหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้หลังจากในพื้นที่ไม่มีน้ำเพียงพอในการปลูกข้าว สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งมีทิศทางที่ดีขึ้นนั้น เนื่องจากปัจจุบันมีฝนตกในบางพื้นที่ และเขื่อนบางแห่งมีน้ำเพียงพอ ที่จะปล่อยน้ำออกมาให้กับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เขตชลประทานนำน้ำไปใช้ในภาคการเกษตรในเบื้องต้นได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ของประเทศไทยที่ยังประสบภัยแล้งอยู่เช่นเดียวกัน อย่างในพื้นที่อำเภอสามชุก และอำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกว่า 725 ราย มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 14,000 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นนาข้าว และไร่อ้อย ซึ่งส่วนใหญ่นั้นอาศัยน้ำฝนในการเพาะปลูก
นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีประมาณ 30 จังหวัดที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้งและมีสหกรณ์การเกษตรที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ประมาณ 2,300 แห่ง ซึ่งสหกรณ์การเกษตรสามชุก จำกัด ก็อยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งด้วยเช่นเดียวกัน โดยสหกรณ์แห่งนี้มีสมาชิกทั้งหมดประมาณ 3,700 คน มีสมาชิกที่ประสบปัญหาภัยแล้ง 725 คน คิดเป็นพื้นที่เสียหาย 14,000 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นพื้นที่ปลูกข้าวและปลูกอ้อย ทางคณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรสามชุกได้มีมติในการดูแลสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว โดยการสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้กับสมาชิกทุกคน โดยสมาชิก 1 คนจะได้รับการช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง 10 ไร่ ไร่ละ 100 บาท เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปซื้อสิ่งของจำเป็น ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรสามชุกมีทุนเรือนหุ้น 312,858,820 บาท / เงินรับฝาก 232,638,245 บาท / มีทุนดำเนินงาน 717,783,597 บาท ดำเนินธุรกิจ 5 ด้าน คือ 1.ธุรกิจสินเชื่อ / 2.ธุรกิจจัดหาและจำหน่าย / 3.ธุรกิจรวบรวมผลิตผล / 4.ธุรกิจแปรรูป / และ 5.ธุรกิจการบริการ ซึ่งถือว่าเป็นสหกรณ์ที่มีศักยภาพในการดำเนินงานอีกทั้งยังได้รับรางวัลสหกรณ์ดีเด่นหลายรางวัล
นายโอภาสกล่าวอีกว่า มาตรการเยียวยาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบทั้ง 2,300 แห่ง ของกรมส่งเสริมสหกรณ์นั้น มี 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการเยียวยาและแก้ไข แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.กรณีที่สมาชิกประสบภัยแล้งและก็มีสินเชื่อมีเงินกู้กับสหกรณ์ต่างๆ ถ้าสมาชิกไม่สามารถชำระหนีได้เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ก็ให้สหกรณ์ดำเนินการขยายเวลาการชำระหนี้6 เดือน 9 เดือน หรือ 12 เดือน โดยอาศัยดุลยพินิจของคณะกรรมการสหกรณ์นั้นๆ และด้วยสาเหตุนี้หากสมาชิกรายใดไม่สามารถชำระหนี้ได้ในระยะเวลาดังกล่าว ก็ถือว่าสมาชิกรายนั้นไม่ได้ผิดสัญญาการชำระหนี้ และ 2.หากสมาชิกสหกรณ์รายใด ต้องการที่จะประกอบอาชีพเดิม เช่น การทำนา ทำสวน ทำไร่ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีความประสงค์จะต้องการเงินกู้ยืมเพื่อไปลงทุน ทางสหกรณ์ก็จะมีวงเงินกู้ให้ โดยในส่วนนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ได้ประสานงานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดวงเงินกู้ให้กับสหกรณ์ที่ประสบภัยประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 3 บาท 75 สตางค์ ซึ่งในส่วนของดอกเบี้ยส่วนนี้จะเป็นสหกรณ์ที่เป็นผู้ชำระ โดยวงเงิน 10,000 ล้านบาทนี้ จะเป็นส่วนที่จะเอาไว้ให้สมาชิกที่ต้องการจะขอกู้ใหม่ได้
มาตรการที่ 2 มาตรการดำเนินการเรื่องภัยแล้ง โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีเงินพัฒนากองทุนสหกรณ์ให้กับสหกรณ์และกลุ่ม
เกษตรกรได้กู้ยืม ซึ่งเมื่อสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรได้กู้ยืมไปแต่ประสบปัญหาภัยแล้งภัยและสมาชิกไม่สามารถชำระหนี้ได้และสหกรณ์ไม่สามารถส่งเงินกู้ให้กับกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะดำเนินการขยายเวลาการชำระหนี้ พร้อมทั้งจะมีการลดดอกเบี้ย อีกทั้งกรมส่งเสริมสหกรณ์มีเงินทุนสำรองประมาณ 200-300 ล้านบาท ที่จะให้กับสหกรณ์ หรือ เกษตรกรเหล่านั้นกู้เพิ่มเติม ซึ่งในส่วนมาตรการที่ 2 นี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะเตรียมข้อมูลการดำเนินงานทั้งหมดนำเสนอคณะบริหารในวันที่ 3 สิงหาคม และคาดว่าจะดำเนินการได้หลังจากนำเสนอข้อมูลแล้ว โดยมาตรการทั้ง 2 นี้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือและในการแก้ปัญหาภัยแล้งเบื้องต้น ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ที่จะสามารถช่วยเหลือสมาชิก
สำหรับสมาชิกสหกรณ์ หรือเกษตรกรรายใดที่อยู่ในพื้นที่ประกาศภัยแล้งของกระทรวงมหาดไทย ถือว่าเป็นผู้ประสบภัยแล้งทั้งหมด โดยสมาชิกสหกรณ์ที่ต้องการผ่อนผันการชำระดอกเบี้ยจะต้องเข้าแจ้งความจำนงกับสหกรณ์ของตนเองหรือหากสหกรณ์ใดมีกลุ่มสมาชิก สมาชิกก็สามารถแจ้งผ่านประธานกลุ่มเพื่อรวบรวมและส่งเรื่องเข้าสู่สหกรณ์ในสังกัด นอกจากนี้เมื่อสหกรณ์ได้รับเรื่องจากสมาชิกแล้วต้องแจ้งเรื่องดังกล่าวเข้ามาที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อเป็นหลักฐานในการผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย
ด้าน นายวศิน ทองสุข ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรสามชุก จำกัด กล่าวว่า “โครงการช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกสู้วิกฤติภัยแล้ง ปี 2558” เป็นการช่วยเหลือและเยียวยาสมาชิกโดยตรง เนื่องจากในช่วงแรกที่ประสบภัย สมาชิกที่ประสบปัญหาต่างเข้ามาขอผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย เนื่องจากพื้นที่การเกษตรของสมาชิกได้รับความเสียหาย โดยส่วนใหญ่เป็นข้าวและอ้อย คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรสามชุกจึงหาแนวทางในการช่วยเหลือสมาชิกทั้ง 725 ราย ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยมอบเงินสนับสนุนรายละ 1,000 บาท เพื่อใช้ในการซื้อสิ่งของจำเป็น เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช เป็นต้น โดยเบื้องต้นได้ให้เงินสนับสนุนให้กับสมาชิกแล้วกว่า 640,000 บาท และถ้าหากสมาชิกยังไม่สามารถนำเงินมาชำระดอกเบี้ยได้ก็อาจจะมีการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น ผ่อนผันการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ หรือหามาตรการอื่นมาช่วยเหลือสมาชิกต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี