พื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่งดงามแล้ว ยังนับเป็นแหล่งผลิตพืชผลทางการเกษตรหลากหลายชนิด แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ติดชายทะเล จึงส่งผลต่อปัญหาดินในการทำการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรอยู่ไม่น้อย
ก่อเกียรติ จันทร์พึ่งสุข
นายก่อเกียรติ จันทร์พึ่งสุข ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 กรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออก โดยมี 5 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายทะเล ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ส่วนอีก 2 จังหวัดไม่ติดชายทะเล ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี และสระแก้ว สำหรับพื้นที่ที่ติดชายทะเล มีระยะทางความยาวรวมกันกว่า 200 กิโลเมตร โดยพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลจะมีปัญหาดินเปรี้ยว เกษตรกรก็จะใช้ประโยชน์พื้นที่ทำการเกษตรแตกต่างกันไป ส่วนหนึ่งจะทำการประมง แต่ส่วนใหญ่จะทำนาข้าว ซึ่งการปลูกข้าวบนพื้นที่ดินเปรี้ยว จะให้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ถังต่อไร่ นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างต่ำ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 ได้แนะนำส่งเสริมให้เกษตรกรมีการจัดการดินเปรี้ยว โดยใช้นวัตกรรมของกรมพัฒนาที่ดิน ทั้งการใช้พืชปุ๋ยสดปลูกและไถกลบเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน เพิ่มอินทรียวัตถุ ร่วมกับวัสดุปรับปรุงดินเปรี้ยว ได้แก่ ปูนมาร์ล หว่านในอัตราที่กำหนด ผลจากการส่งเสริมทำให้คุณภาพดินดีขึ้น ผลผลิตข้าวก็เพิ่มขึ้นเป็น 60 ถังต่อไร่
ขณะที่พื้นที่ที่อยู่โซนบนไม่ติดชายฝั่งทะเล ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดมีลักษณะเป็นลูกเนิน ไม่ราบเรียบ วิธีการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรจะค่อนข้างทำได้ยากกว่าพื้นที่ราบ เนื่องจากจะมีปัญหาเรื่องการชะล้างพังทลายของหน้าดินค่อนข้างสูง ซึ่งการชะล้างพังทลายของดินแต่ละครั้งก็จะถูกนำสิ่งดีๆ ในดินทั้งธาตุอาหารพืช จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หายไปหมด เมื่อเกษตรกรใช้พื้นที่เพาะปลูกต่อเนื่อง อีกทั้งใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีสะสมปริมาณมากก็จะทำให้เกิดปัญหาดินกรด ดินเสื่อมโทรมตามมา ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ที่สำคัญดินที่ถูกชะล้างไปยังไปทับถมในแม่น้ำ ลำคลอง ทำให้เกิดความตื้นเขินเก็บกักน้ำได้น้อยลง ซึ่งนับเป็นปัญหาสำคัญของภาคตะวันออกที่ต้องพบเจออยู่เป็นประจำ แม้ว่าจะมีปริมาณฝนตกมากแต่ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้
สำหรับวิธีการจัดการแก้ปัญหาดินกรดค่อนข้างทำได้ง่าย เพียงใช้พืชปุ๋ยสด และใช้วัสดุปูนโดโลไมท์ปรับปรุงคุณภาพดิน ร่วมกับใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง หรือปุ๋ยสูตรพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยกรมพัฒนาที่ดินได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตไว้ใช้เองจากวัสดุที่เหลือใช้ในไร่นาหรือครัวเรือน ซึ่งไม่เพียงช่วยฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินแล้ว ยังช่วยในเรื่องการลดต้นทุนการผลิตได้ด้วย
นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินที่กรมพัฒนาที่ดินแนะนำให้กับเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาดินด้านต่างๆ นั้น มุ่งเน้นให้เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังช่วยเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต อย่างเช่น การส่งเสริมให้ปลูกพืชปุ๋ยสด ที่เป็นพืชตระกูลถั่ว ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า ปอเทือง ในการปรับปรุงบำรุงดิน นับเป็นวิธีการปรับปรุงบำรุงดินที่ถูกแต่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า เพราะการปลูกพืชปุ๋ยสดอย่างปอเทือง 1 ไร่ มีต้นทุนเฉลี่ยค่าไถอยู่ที่ไร่ละประมาณ 500 บาทค่าเมล็ดพันธุ์ 200 บาท แต่สิ่งที่ได้กลับมาเมื่อปลูกปอเทืองแล้วไถกลบ อายุ 50 วัน จะได้ผลผลิตมวลชีวภาพคือน้ำหนักสดที่ลงสู่ดิน จะได้ปุ๋ยไนโตรเจนเทียบเท่ากับปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 จำนวน 15 กก.ต่อไร่ แต่ถ้าไถกลบช่วงอายุ 90 วัน คือเป็นช่วงที่ปอเทืองออกดอกแล้วจึงไถกลบ จะทำให้ได้ธาตุอาหารสมบูรณ์ทั้ง N-P-K ในอัตราเทียบเท่าถึง 20 กก.ต่อไร่ ก็จะทำให้เกษตรกรลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลงได้ ที่สำคัญคือการปลูกพืชปุ๋ยสดไม่ได้ทำให้เกษตรกรเสียโอกาสในการเพาะปลูกพืชหลักเลย เพราะสามารถปลูกคั่นหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวแล้วก็ปลูกพืชปุ๋ยสดแล้วไถกลบ จากนั้นก็ปลูกข้าวฤดูต่อไปซึ่งจะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ไม่ต่ำกว่าครึ่ง
“อยากฝากถึงเกษตรกรว่าการทำการเกษตรปัจจัยสำคัญที่สุดคือดินกับน้ำ ถ้าดินดี น้ำดีปลูกพืชชนิดไหนก็ได้ แต่ในสภาวะปัจจุบันสภาพอากาศแปรปรวนมาก ปัญหาภัยแล้งลุกลาม ระดับน้ำใต้ดินลดน้อยลง ดังนั้น ถ้าเกษตรกรมีการดูแลรักษาดินให้ดี มีอินทรียวัตถุในดิน เรื่องภัยแล้งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้อยกว่าพื้นที่ดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ เกษตรกรควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงบำรุงดินอย่างถูกวิธีและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี ที่สำคัญคือปลูกพืชตามความเหมาะสมของดิน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต” นายก่อเกียรติ กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี