“ชาวนา” ถือเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ที่ต้องทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ซึ่งปัจจุบันถึงแม้ว่าวิถีชีวิตในการทำการเกษตรจะเปลี่ยนไป มีเทคโนโลยี เครื่องมือการทำนาทันสมัยมาแทนที่ ทำให้ลดระยะเวลาการทำงานได้มากขึ้น แต่ก็มีหลายหน่วยงานที่ต้องการจะอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำนาในรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ เพื่อให้ลูกหลานได้เห็นถึงความยากลำบากของการทำนา
ว่าเป็นอย่างไร
ศาสตราจารย์ดร.ปรีชา ประเทพา ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่าเนื่องจากวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งปีนี้ทรงมีพระชนมพรรษา 83 พรรษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขึ้น ในโครงการ “ลงแขกปักดำนา” ณ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรกรรมเฉลิมพระเกียรติฯมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (โครงการฟาร์มมหาวิทยาลัยมหาสารคาม) ตำบลนาสีนวน อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
โดยในปีนี้ข้าวที่นำมาปลูกเป็นข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 ปลูกบนเนื้อที่ 5 ไร่ มีนายไกรสร กองฉลาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมกับร่วมสาธิตการไถนาแบบดั้งเดิมโดยใช้กระบือในการไถนาร่วมกับพันเอกธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดมหาสารคาม อาจารย์อารีรัตน์ รักษาศิลป์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทั้งนี้มีนิสิตชั้นปีที่ 1 และ 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ แต่งกายแบบ
แฟนซี มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน และวงดนตรีศิลป์อีสาน มาบรรเลงทำนองพื้นบ้านอีสานเพื่อให้การลงแขกดำนาเป็นไปด้วยความสนุกสนาน
ซึ่งกิจกรรมประเพณีลงแขกดำนา จัดขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชนินาถ 12 สิงหาคม 2558 ให้คณาจารย์ บุคลากร นิสิต ได้ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ถวายเป็นราชสักการะ โดยการรักษาและอนุรักษ์ประเพณีการลงแขกปักดำนา ซึ่งเป็นรากฐานของคนไทย ตามกำหนดที่ว่า “ปลูกวันแม่ เก็บเกี่ยววันพ่อ” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว
สำหรับบรรยากาศในงานน้องๆ นิสิต ที่แต่งตัวแฟนซี กว่า 300 คน ตั้งขบวนฟ้อนรำต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ก่อนจะกระจายตัวกันประจำบนคันนา เนื้อที่ 5 ไร่ สร้างสีสันฟ้อนรำในชุด “สาวสารคามลำเพลิน” ด้วยการแต่งกายเฉพาะตัวของน้องๆ ซึ่งสร้างสีสัน เน้นความฮา เป็นการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีในองค์กร ก่อนที่จะร่วมกันลงแปลงนา เพื่อปักดำข้าวในนาบนพื้นที่ 5 ไร่ ซึ่งการดำนาแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ การลงแขกปักดำนาแบบดั้งเดิม ถือเป็นภูมิปัญญาวิถีชีวิตชาวนาอีสานในอดีตเมื่อถึงฤดูการทำนา โดยชาวนาจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนช่วยเหลือจุนเจือกัน ช่วยกันทำนาโดยไม่มีค่าจ้างแรงงาน แต่ปัจจุบันการพัฒนาเศรษฐกิจในระบบทุนนิยมสมัยใหม่ ทำให้แรงงานในนาขาดแคลนอย่างหนัก หลายครอบครัวจึงมีการจ้างแรงงานจากที่อื่นมาช่วย ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งทำให้ปัจจุบันประเพณีลงแขกปักดำนา อันเป็นประเพณีที่ดีงามที่ใกล้จะสูญหายไปจากสังคมในชนบท และกำลังจะกลายเป็นตำนาน มหาวิทยาลัยมหาสารคามจึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อสืบสานอนุรักษ์ประเพณีการลงแขกปักดำนาให้คงอยู่สืบไป
ด้าน นายกฤฏิย์วิกรม บาไสย นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองเป็นลูกชาวนา ทำให้ดำนาเป็น เพราะพ่อแม่สอนมาตั้งแต่เด็กๆ พื้นเพตนเองเป็นคนอีสาน ช่วยพ่อแม่ทำนาทั้งหว่านกล้า ปักดำ จนถึงใช้ควายไถนา กิจกรรมในวันนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ดี ให้อะไรหลายๆ อย่างในด้านความสามัคคีในหมู่คณะ ทำให้เกิดความสำเร็จเกิดขึ้น ได้รับทักษะใหม่ๆ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่จะไม่ทราบว่าการดำนาเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความสะดวกสบาย คนที่ไม่เคยดำนาก็จะทราบว่าวิธีการดำนาเป็นอย่างไร เพื่อเป็นทักษะในชีวิตอย่างหนึ่ง ให้ได้ทราบว่านี่หล่ะคือวิถีชีวิตสิ่งที่พ่อแม่และบรรพบุรุษสั่งสอนเรามา
ยุทธนา โชติชูตระกูล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี