วันจันทร์ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558, 23.02 น.
17 ส.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว "สมบัติ บุญงามอนงค์" แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ว่า
"โง่เขลาและเลวทราม ว่าจะนั่งตามข่าวรอให้ข้อเท็จจริงมันนิ่งกว่านี้หน่อยค่อยแสดงความเห็น แต่มันรู้สึกเจ็บใจ โมโหอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้ว่าไอ้หน้าไหนมันทำแบบนี้ ขออนุญาตวิเคราะห์ในขณะที่ฝุ่นยังตลบอยู่ตอนนี้
1.ทำไมต้องเป็นระเบิด ? การก่อเหตุสามารถเลือกได้หลายอย่าง การที่เลือกระเบิดทำลายล้างสูงแสดงว่าต้องการให้เกิดผลรุนแรง ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์
2.ทำไมต้องเป็นแยกราชประสงค์ - ศาลพระพรหม ? ราชประสงค์ถือเป็นใจกลางเมืองหลวง พื้นที่เศรษฐกิจ ส่วนศาลพระพรหมก็เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน ถ้าจะหวังผลทำลายทางเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของรัฐจุดที่ก่อเหตุถือว่าได้ผล หลายคนอาจมองไปถึงพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง เพราะแยกราชประสงค์ไม่ได้มีนัยนะเพียงแค่พื้นที่เศรษฐกิจแต่เป็นพื้นที่การชุมนุมทางการเมืองของหลายฝ่าย
3.ทำไมเวลาต้องเป็นหัวค่ำของวันจันทร์ ? ช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนหนาแน่น เลิกงาน นั่นแสดงว่าผู้ก่อเหตุไม่กังวลว่าจะมีคนเสียชีวิต หรือมองอีกมุมหนึ่งคือต้องการให้เกิดการเสียชีวิต การก่อเหตุก่อนช่วงข่าวค่ำอาจถูกเลือกให้ข่าวนี้มีผลสั่นสะเทือนเพื่อบรรลุเป้าหมาย
4.ใครได้ประโยชน์ ? ต้องวิเคราะห์ดูว่าใครเสียประโยชน์ก็จะพอทำให้เรามองเห็นว่าใครที่น่าจะได้ประโยชน์ ผลจากระเบิดรอบนี้คนที่เสียประโยชน์มากที่สุดคือรัฐบาลไทย ถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ ทำลายเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ดูเหมือนเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจเพียงหนึ่งเดียวที่ยังประคองเศรษฐกิจไทยตอนนี้ เท่าที่สื่อรายงาน ฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์แนวทางไว้ 3 แนวด้วยกันคือ
- กลุ่มการเมือง (หลายคนฟันธงไปแล้วว่าเสื้อแดง)
- ผู้ก่อเหตุจาก 3 จว ชายแดนใต้
- กลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ (ส่งกลับอุยกูร์)
5.รูปแบบการก่อเหตุ นับเป็นการก่อเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใน กทม ผมไม่รู้ว่ากลุ่มต่าง ๆ ใครมีขีดความสามารถและมีทักษะการประกอบระเบิด TNT และเคยมีใครใช้วิธีการนี้มาบ้าง และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องวิธีการจุดระเบิดว่าเป็นแบบจุดระเบิดด้วยสัญญาณโทรศัพท์ วิทยุ หรือ ตั้งเวลา
6.กล้องวงจรปิด แถวราชประสงค์มี CCTV เป็นร้อยตัว ทั้งของ กทม และ ชมรมผู้ประกอบการ แม้หลายเหตุการณ์มักจะบอกว่ากล้องเสีย แต่คราวนี้มั่นใจว่ากล้องไม่เสียแน่นอน
การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งชั่วร้าย ควรได้รับการประนามและผู้กระทำต้องได้รับโทษตามกฏหมาย การกระทำดังกล่าวไม่มีใครได้ประโยชน์แม้แต่ตัวผู้กระทำเอง"