รู้ตัวทีมบึ้มราชประสงค์
ยืนยันไม่ใช่แก๊งข้ามชาติ
‘สมยศ’ขวางตปท.ยุ่งสืบคดี
แฉมือระเบิดสาทรเป็นเอเชีย
ตม.สั่งทุกด่านคุมเข้มสกัดหนี
รัฐส่งสารฟื้นความเชื่อมั่น
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่ทำคดีนี้อยู่ยังไม่ได้หลับได้นอน เรามีเป้าหมายมีจุดหมาย ไม่ได้ทำแบบสะเปะสะปะ ทำงานกันอยู่ตลอด เพียงแต่ตนไม่อาจเปิดเผยข้อมูลให้กับสื่อได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จุดที่คาดว่าจะมีผู้ก่อเหตุ หรือผู้ร่วมขบวนการหลบซ่อนอยู่ แต่ต้องบอกว่าถ้าเป็นความโชคดีเราอาจจะจับคนร้ายได้
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับความล่าช้าในการสืบสวนสอบสวนนั้น ไม่ได้เกิดจากความสามารถของเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยเหตุเพราะเราไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยมาช่วยสนับสนุนการทำงานเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจในต่างประเทศ ขณะนี้เราต้องรอต้องอาศัยความร่วมมือ ความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆซึ่งจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่จะยอมรับความช่วยเหลือเฉพาะอุปกรณ์เท่านั้น จะไม่ยอมให้ตัวแทนของประเทศใดๆเข้ามาแทรกแซงการสืบสวนในคดี
“สำหรับขบวนการที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เราพอจะรู้ตัวบ้างแล้ว และมีบางส่วนที่คาดว่ายังอยู่ในประเทศ ส่วนจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาตินั้น ขออนุญาตไม่เปิดเผย” ผบ.ตร.กล่าว
“สมยศ”ยันไม่ใช่อาชญากรข้ามชาติ
เมื่อถามถึงประเด็นจูงใจก่อเหตุว่าน่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในประเทศหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เราไม่เคยพูดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกิดจากภายในประเทศ หรือเกิดจากต่างประเทศ มันอาจจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน แต่เราไม่เคยตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เวลานี้ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ไม่น่าจะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
ส่วนเหตุระเบิดที่สะพานตากสินนั้น ตนพูดตั้งแต่วันแรกที่ไปดูที่เกิดเหตุแล้วว่าไม่เชื่อว่าจะเป็นการโยนลงมาที่ท่าเรือสาทร เพราะเป็นไปไม่ได้ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง 2-3ชั่วโมง ก็ไม่มีรถจักรยานยนต์วิ่งผ่าน จึงสั่งให้ตรวจกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปอีก 3-4 วัน
เปิดปฏิบัติการ“ปิดเมืองค้นรังโจร”
วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ที่สนธิกำลังร่วมกับหลายหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการ “ปิดเมืองค้นรังโจร” เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการสร้างความมั่นใจ ความเชื่อถือ และทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามจากปฏิบัติการดังกล่าวยังไม่พบผู้ต้องสงสัยวางระเบิดตามหมายจับแต่อย่างใด
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุระเบิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้สั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เน้นดูแลสถานที่สำคัญ ซึ่งผู้ที่กระทำในครั้งนี้ต้องการทำลายภาพพจน์ หรือดิสเครดิตรัฐบาล ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือคนไทยก็ถือเป็นศัตรูของคนไทยทั้งประเทศ
ลุยตรวจระเบิดรอบพารากอน
ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร กล่าวภายหลังนำกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สี่แยกราชประสงค์ และศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ว่า เป็นการดำเนินการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับทางนักท่องเที่ยว และหลังจากนี้จะกระจายไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ เอเชียทีค , สวนจตุจักร และพระบรมมหาราชวัง เป็นต้น นอกจากนี้ตนอยากให้ห้างสรรพสินค้าต่างๆติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เนื่องจากคนร้ายรู้ว่ากล้องจะติดอยู่ด้านบนเสมอ เวลาก่อเหตุจึงจะก้มหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับภาพได้ จึงอยากให้ติดกล้องในแนวระดับสายตา และเน้นเรื่องความคมชัดของกล้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แฉมือบึ้มสาทรเป็นชาวเอเชีย
พล.ต.ท.ประวุฒิ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่สะพานตากสิน ว่า กรณีชายใส่เสื้อสีฟ้าที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคนนำระเบิดไปวางไว้ในจุดดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบย้อนหลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ ส่วนเส้นทางที่ชายเสื้อฟ้าใช้เดินทางนั้น มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด และไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ เบื้องต้นคาดว่าเป็นชาวเอเชีย
เชิญ15แท็กซี่สอบหามือระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบเบาะแสว่าหลังคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ได้หนีไปทางซอยสีลมซอย 9 ก่อนจะโดยสารรถแท็กซี่หลบหนีไปนั้น ปรากฏว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 สิงหาคม ชุดสืบสวนจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บก.สส.บช.น.) ได้เชิญตัวโชเฟอร์แท็กซี่ในพื้นที่ กทม.มาให้ปากคำและบันทึกภาพไว้เป็นข้อมูล รวมทั้งหมด 15 คัน เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพรถแท็กซี่ในกล้องวงจรปิดที่มองเห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด แต่ยังไม่สามารถหาตัวโชเฟอร์ที่ขับรถส่งคนร้ายได้
ตม.คุมเข้มทุกด่าน-จับตามือบึ้ม
ด้าน พ.ต.อ.เจษฏา ใยสุ่น โฆษกกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3(บก.ตม.3) กล่าวว่า ทาง พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ได้มีคำสั่งกำชับให้เข้มงวดตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยเฉพาะ ตม.จว.ฯที่มีพื้นที่ติดชายแดน รวมถึง ตม.จว.ฯที่มีช่องทางทางน้ำและอากาศ ให้เข้มงวดเป็นกรณีพิเศษ
ส่วน พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองโฆษก บก.ตม.3 กล่าวว่า ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ธำรงค์ แสงวัฒนกุล ผบก.ตม.3 ได้สั่งการไปยังหัวหน้า ตม.จว.ฯ ทุกแห่งให้เข้มงวดตรวจหนังสือเดินทางและตัวบุคคล โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยมือวางระเบิดแยกราชประสงค์ตามหมายจับเป็นพิเศษ รวมถึงตรวจบุคคลบุคคลที่มีแบล็คลิสต์ ซึ่งอาจจะผ่านเข้า-ออกในบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่งด้วย
รบ.ส่งสาส์นคุมทุกอย่างได้แล้ว
ทางด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้นำความสาส์นจากรัฐบาลไทยถึงพี่น้องประชาชนและประชาคมโลก เนื้อความว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน ตามที่ทุกท่านได้รับทราบถึงเหตุการณ์ก่อความไม่สงบที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การช่วยเหลือดูแลผู้บาดเจ็บ และการติดตามสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ตามความละเอียดทราบอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น รัฐบาลขอให้ความมั่นใจว่าขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจตราความปลอดภัยทั้งในและนอกเครื่องแบบในทุกจุด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนทุกท่าน”
ขอต่างชาติมั่นใจปลอดภัย
“พร้อมกันนี้ในนามของรัฐบาลไทย ขอส่งสาส์นมายังชาวต่างประเทศทุกท่านที่วางแผนเดินทางมาประเทศไทย ไม่ว่าเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อการติดต่อธุรกิจ เพื่อการศึกษา ประชุม สัมมนา ดูงาน ตลอดจนเพื่อร่วมงานแสดงสินค้า หรือภารกิจตามความประสงค์ของทุกท่าน รัฐบาลไทยขอให้ความมั่นใจว่าทุกท่านจะได้รับความปลอดภัยตลอดช่วงเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งจะได้สัมผัสกับความมีมิตรไมตรี รอยยิ้มและน้ำใจไทยเช่นที่เคยเป็นเสมอมา ไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ”
พบหลักฐาน2เหตุบึ้มเพิ่ม
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี แถลงข่าวผ่านโทรทัศรวมการเฉพาะกิจ สรุปเหตุการณ์ประจำวันที่ 23 สิงหาคม ว่า ไม่มีเหตุการณ์ หรือการก่อเหตุที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนแต่อย่างใด ในภาพรวมมีความสงบเรียบร้อย การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมผู้เผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้เกิดความสับสนกับสังคม 2 ราย ใน กทม. และ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย
สำหรับการสอบสวนคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานว่ามีความคืบหน้าไปพอสมควร ทั้งเหตุการณ์ที่สี่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร โดยได้ตรวจพบหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด
กระเป๋าปริศนาโผล่มอเตอร์เวย์
สำหรับเหตุวางระเบิดปลอมป่วนเมืองยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 23สิงหาคม ร.ต.ท.ศิรสิทธิ์ ทันศรี พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ รับแจ้งว่ามีกระเป๋าเดินทางต้องสงสัยวางอยู่บนสะพานต่างระดับถนนมอเตอร์เวย์ ตัดถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าบางนา ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 59 จึงปิดกั้นการจราจร พร้อมประสานเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด(EOD) เข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นเพียงกระเป๋าเปล่าไม่มีสิ่งใดบรรจุอยู่ เบื้องต้นสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือ อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี หรืออาจเป็นกระเป๋าที่ตกหล่นจากรถแล้วมีผู้พบเห็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บกระเป๋าใบดังกล่าวไปตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง และจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาที่มาต่อไป
คณะ“อุปทูตจีน”ไว้อาลัยเหยื่อบึ้ม
ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายหวู เจ่อหวู่ อุปทูตชั่วคราวสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมคณะเดินทางไปยังศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ เพื่อวางดอกไม้ไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดดังกล่าว โดยนายหวู เจ่อหวู่ กล่าวว่า ต้องการแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตทุกชาติ ไม่ได้เฉพาะกับผู้เสียชีวิตชาวจีนเท่านั้น และขอขอบคุณคนไทยที่มีอาสาสมัครกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บหลังเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามญาติผู้เสียชีวิตตั้งความหวังว่ารัฐบาลไทยจะสืบสวนหาข้อเท็จจริง และจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพื่อให้กรุงเทพมหานครกลับมาเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี