นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า พื้นที่สหกรณ์การเกษตรดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง มีสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 700 ราย จากสมาชิก 3,800 ราย ซึ่งสหกรณ์ดอนเจดีย์ได้ให้ความช่วยเหลือสมาชิกเบื้องต้น เช่น การมอบสิ่งอุปโภค บริโภค และขยายเวลาการชำระหนี้ ขณะที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนเงิน 1,400,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวในรูปแบบการขายเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากปัจจุบันการทำการเกษตรในประเทศยังประสบปัญหาขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าว เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว หรือเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวขายเมล็ดพันธุ์ โดยกระบวนนี้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกรมการข้าว อีกทั้งสมาชิกในพื้นที่ก็มีความรู้ความสามารถจึงมั่นใจว่า เมล็ดพันธุ์ที่ได้ออกมาจะมีคุณภาพและได้มาตรฐานการเพาะปลูก และนอกจากนี้สหกรณ์ในพื้นที่จะรับซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาที่สูงกว่าตลาด ในราคาเฉลี่ยประมาณตันละ 10,000 บาท โดยเงินจำนวน 1,400,000 บาท ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้การสนับสนุน คือ เงินที่มาช่วยบริหารการจัดการของสหกรณ์ เนื่องจากการที่รับซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดอาจจะทำให้สหกรณ์มีปัญหาในระบบการบริหารจัดการ เบื้องต้นจะมีการรับซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 180 ตัน อัตรากิโลกรัมละ 1.80 บาท
นายโอภาส กล่าวเสริมว่า ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มอบหมายให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งหมด 3 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 ปรับลดดอกเบี้ยและขยายเวลาการชำระหนี้ให้กับสมาชิก แบ่งเป็น 3 เรื่อง คือ 1.ให้สหกรณ์ประสานงานกับสหกรณ์การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง ขยายเวลาการชำระหนี้ให้กับสมาชิก โดยในขณะนี้มีประมาณ 13,000 ราย ใน 38 สหกรณ์ 2.ลดดอกเบี้ยและลดค่าปรับให้กับสมาชิกที่ไม่สามารถส่งชำระหนี้ได้ ในอัตราการลดดอกเบี้ยตั้งแต่ 50 สตางค์ จนถึง 12 บาท และ 3.ให้สมาชิกสหกรณ์กู้เงินเพิ่ม โดยในขณะนี้มีสมาชิกที่ขอกู้เพิ่มประมาณ 160 ล้านบาท
มาตรการที่ 2 คือสนับสนุนเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ที่มีอยู่ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท ให้สหกรณ์การเกษตรกู้เพื่อนำไปดำเนินการลดดอกเบี้ย และมาตรการที่ 3 ให้กรมส่งเสริมการเกษตรไปประสานงานกับ ธ.ก.ส. โดยดำเนินการ 2 ส่วนคือ 1.การไปปรับเวลาการชำระหนี้ของสหกรณ์การเกษตรที่ไม่สามารถชำระหนี้ ธ.ก.ส.ได้ เนื่องจากสมาชิกของสหกรณ์ไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยยืดเวลาการชำระหนี้ออกไป 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน ตามนโยบายและแต่ละสหกรณ์แต่ละจังหวัด / 2. กรมส่งเสริมสหกรณ์ประสานงานกับ ธ.ก.ส.ในการเปิดเงินกู้ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้กับสหกรณ์การเกษตรที่ประสบภัย ประมาณ 2,300 แห่ง กู้เงินไปให้กับสมาชิกกู้ต่อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.75 สตางค์ ซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมาขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ประสานงานไปยังนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดในการให้ความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรในการปรับโครงสร้างการผลิต หรือ ปรับเปลี่ยนทัศนคติการปลูกข้าวให้เหมาะสมกับพื้นที่ อีกทั้งยังช่วยในการลดต้นทุนการผลิต และหากสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ใดที่ประสบปัญหาเรื่องภัยแล้ง สามารถเดินทางไปที่สำนักงานสหกรณ์ที่สังกัดอยู่และแจ้งความจำนง หรือ แจ้งความเสียหายซึ่งสหกรณ์แต่ละแห่งจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งแตกต่างกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี