28 ส.ค.58 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข กล่าวภายหลังการการเดินทางไปพูดคุยกับคณะตัวแทนผู้เห็นต่างจากรัฐ ที่ใช้ชื่อว่ากลุ่มมาราปาตานี 6 กลุ่ม ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนบรรลุผลสำเร็จ 2 ประการ คือ 1.กลุ่มผู้เห็นต่างได้มารวมตัวกันครบทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายบนโต๊ะพูดคุย ซึ่งพวกเขายืนยันที่จะใช้แนวทางสันติวิธี โดยการพูดคุยในการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งยืนยันว่าการใช้อาวุธเป็นเพียงการป้องกันตัว เพื่อตอบโต้คนใช้ความรุนแรง 2.การก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอนลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
พล.อ.อักษรา กล่าวต่อว่า การพูดคุยครั้งล่าสุดนี้ ทางนายกฯ ได้เน้นย้ำในเรื่องความจริงใจของรัฐบาลไทย ที่พร้อมดำเนินการในเรื่องที่กลุ่มเห็นต่างกังวล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจที่มีต่อกัน ตนได้เสนอความร่วมมือในการทำงานร่วมกันกับผู้เห็นต่างที่จะก่อให้เกิดผลดีในพื้นที่ คือ 1.ความปลอดภัยในพื้นที่ โดยการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยร่วมกับผู้เห็นต่าง เพื่อให้เห็นผลอย่างถาวร โดยจะใช้เสียงของประชาชนเป็นตัวชี้วัด 2.การพัฒนาที่ได้ดำเนินการมากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ก็ตรงตามความต้องการของผู้เห็นต่าง ตลอดจนความต้องการเร่งด่วน ซึ่งอยากให้ผู้เห็นต่างได้แจ้งความต้องการ แล้วเราจะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 3.ความยุติธรรมในพื้นที่ จะต้องพูดคุยกันอีกครั้งกับผู้เห็นต่าง แต่ได้ชี้แจงไปแล้วว่าเรามีหน่วยงานที่ดูแลอย่างชัดเจน
พล.อ.อักษรา กล่าวต่อว่า ทางคณะพูดคุยฯ และกลุ่มผู้เห็นต่าง พยายามเป็นตัวแทนประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) แต่สุดท้ายภาคประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุดจะเป็นผู้กำหนดว่าจะอยู่กับใคร ทั้งนี้ จากการพูดคุยตนได้ขอดูโครงสร้างการรวมกลุ่มของผู้เห็นต่าง แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนมากนัก แต่โครงสร้างมีลักษณะคล้ายกับของเรา ส่วนข้อเรียกร้องของผู้เห็นต่าง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ให้ปัญหา จชต.เป็นวาระแห่งชาติ 2.ยอมรับทีมงานพูดคุย 6 กลุ่ม จำนวน 15 คน และ 3.ยอมรับกลุ่มมาลาปาตานี นั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าต้องการอย่างไร
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เห็นต่างยังไม่รับ 3 เรื่องของคณะพูดคุยฯ ไปไปพิจารณา โดยระบุว่า ให้ฝ่ายไทยรับพิจารณา 3 ข้อเรียกร้อง ของพวกเขาก่อน ซึ่งตนมองว่า กลุ่มผู้เห็นต่างมีความเป็นห่วงตัวองค์กร ความชัดเจน และอยากเป็นที่ยอมรับ ของกลุ่มนักวิชาการ และภาคประชาชน ซึ่งตนมองว่าถ้าหากกลุ่มผู้เห็นต่างต้องการสร้างสันติสุขจริงๆ มาร่วมมือกันก็ไม่มีปัญหา ส่วนข้อห่วงใยอยากให้ปัญหา จชต.เป็นวาระแห่งชาติ และความต่อเนื่องในการดำเนินการนั้น เราได้ชี้แจงไปว่า เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ส่วนเรื่องความต่อเนื่อง เป็นไปตามนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ปี 2558 - 2564 ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นความเร่งด่วนแรกในการแก้ไขปัญหา
"ผมจะตั้งคณะทำงาน ไปจัดทำรายละเอียดทั้งหมด ในเรื่องข้อเสนอของทุกฝ่าย ตลอดจนข้อห่วงใยของกลุ่มผู้เห็นต่าง เพื่อเรียนให้นายกฯ รับทราบ และเห็นชอบก่อน ถึงจะแจ้งให้ผู้เห็นต่างได้รับทราบ ทั้งนี้ เราสามารถอธิบายได้ทั้ง 3 เรื่อง ตราบใดที่ประชาชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ยังอยู่กับรัฐบาล และคณะพูดคุยฯ ทั้งนี้ สิ่งที่คณะพูดคุยฯ ได้เสนอไปทั้ง 3 ข้อ ผมได้ชี้แจงให้นายกฯ ทราบว่า 3 ข้อดังกล่าว ผ่านการวิจัยทางวิชาการที่รองรับชัดเจน โดยยืนยันว่า ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ ทุกศาสนา ได้สนับสนุนกระบวนการพูดคุย นั่นเป็นสิ่งยื่นยันว่า ประชาชนยืนอยู่ข้างความสันติสุข ซึ่งผมได้บอกไปยังผู้เห็นต่างเช่นกัน" พล.อ.อักษรา
หัวหน้าคณะพูดคุยฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณกลุ่มผู้เห็นต่างที่ให้ความร่วมมือไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตรงความต้องการของท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เห็นต่างที่อยู่ต่างประเทศ สำหรับการสร้างความจริงใจต่อกันเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ซึ่งในเมื่อเปิดตัวมาแล้วสถานการณ์จะบวกหรือลบ เรายังไม่ทราบ แต่เราจะต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ให้เป็นบวกต่อฝ่ายเรา และเป็นผลดีต่อประชาชนในพื้นที่ ส่วนการทำสัตยาบันจะต้องได้ข้อตกลงที่ชัดเจนกันก่อนทั้งฝ่ายเรา และกลุ่มผู้เห็นต่างจะต้องร่วมกันร่างก่อนจะลงสัตยาบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี