ปัญหาน้ำแล้งกลับมาวิกฤติอีกครั้งโดยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายเอกศิษฐ์ ศักดิ์ดีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ระดับน้ำเขื่อนเจ้าพระยาที่สถานีวัดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาต.บางหลวง อ.สรรพยา ในรอบ 14 ชั่วโมง ลดลงอีก 40 ซม.อยู่ที่ 14.57 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง(ม.รทก.) ทำให้ระดับน้ำลดลงใกล้แตะจุดวิกฤตอีกครั้ง ที่ระดับวิกฤต 14.00ม.รทก.สาเหตุเพราะชาวนาระดมสูบน้ำเข้านาข้าว
ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนยังทรงตัวที่ 5.96 ม.รทก. โดยเขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายน้ำเพื่อผลักดันน้ำเค็มปากแม่น้ำ ไว้ที่ 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลบ.ม./วิ) ดังนั้นต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกรในการงดทำนารอบ 2 เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียหายจากภัยแล้ง จากที่น้ำต้นทุนในปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อการจัดสรรเพื่อการทำนาปรังต้องสงวนไว้เพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเท่านั้น
ด้านนายสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา(คบ.) มโนรมย์ จ.ชัยนาท กล่าวว่า ปัจจุบันในพื้นที่ความรับผิดชอบของ คบ.มโนรมย์ หรือ ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก มีนาข้าวที่เกษตรกรฝืนทำนารอบ2รวมแล้วประมาณ 1.5 แสนไร่ ซึ่งทั้งหมดมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง เพราะล่าสุดเขื่อนใหญ่ทางตอนบนของประเทศทั้งเขื่อภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ยุติการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกแล้ว
ทั้งนี้ได้ปล่อยน้ำเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น ขณะเดียวกันยังมีชาวนาจำนวนมากที่ระดมสูบน้ำเพื่อทำนารอบที่ 2 ซึ่งเป็นผลให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเหนือเขื่อนลดลงอย่างรวดเร็ว และตามแผนการจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูก ทางคบ.มโนรมย์จะยุติการส่งน้ำในวันที่ 31 สิงหาคมนี้จึงต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้งดทำนาปรังเพื่อป้องกันความเสียหายจากภัยแล้ง
นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า สภาพน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำไหลเข้าเขื่อนเนื่องจากฝนไม่ตกเหนือเขื่อนทำให้สภาพเขื่อนแห้งขอดโดยเฉพาะท่ออุโมงค์ส่งน้ำด้านหน้าเขื่อนด้านซ้าย โผล่ออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า40 ปี
ด้านนายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ในวันที่ 2 กันยายนนี้ ตนและนายดิศธร วัชโรทัย รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง จะไปตรวจสอบความก้าวหน้าในการงานทำงานครบ 2 เดือนของศูนย์ฝนหลวงพิเศษที่จ.นครสวรรค์ และเชียงใหม่ ตามแนวพระราชดำริฝนหลวง ซึ่งได้ถวายรายงานให้พระองค์ทุกวัน
“จะบินสำรวจปริมาณน้ำเขื่อนภูมิพล แควน้อยฯ และป่าสักชลสิทธิ์ ในขณะนี้ยังมีปริมาณน้ำน้อยมากสถานการณ์ยังน่าห่วง และการปฎิบัติการฝนหลวง แม้มีฝนตกทุกวันในพื้นที่เป้าหมายแต่น้ำที่ไหลลงเขื่อนยังไม่มากอีกทั้งร่องฝนยังไม่ลงมาไทยยังอยู่ที่ประเทศจีนตอนล่างและเวียดนามตอนบน ช่วงนี้ลุ้นให้ร่องตัวนี้เลื่อนลงมาเพื่อจะได้เข้าสู่หน้าฝนระยะที่สอง คาดว่าจะลงมาสัปดาห์นี้และจะเข้าสู่ฝนตกในช่วงพี้กของฤดูฝนปีนี้”นายวราวุธ กล่าว
ทั้งนี้การปฎิบัติการฝนหลวงจะทำต่อเนื่องไปจนความชื้นไม่มีในช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อเติมน้ำเขื่อนให้มากที่สุด โดยช่วงเดือนกันยายนนับเป็นโค้งสุดท้ายแล้วที่ต้องลุ้นกันว่าจะมีร่องฝนหรือมีพายุเข้าไทยสักลูกหรือไม่ อาจจะได้ปริมาณน้ำ3.9 พันล้านลบ.ม.หากช่วงนี้ไม่มีฝนปีหน้าจะแล้งมากกว่าปีนี้ เรียกว่าแล้งสามปีติด ดังนั้นในปีนี้ทั้ง10 หน่วยทั่วประเทศยังคงเดินหน้าปฎิบัติการทุกวันและกระตุ้นให้ฝนตกในพื้นที่เป้าหมายมากที่สุด
ส่วนนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำว่า จากการคาดการณ์สภาพฝนโดยกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 31 ส.ค. -3 ก.ย. ปริมาณฝนที่ตกในประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์น้อยแม้เป็นช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก และหลังจากนี้ปริมาณฝนจะลดลงอีกจนถึงกลางเดือนต.ค. นี้
ทั้งนี้จากปริมาณฝนที่ตกลดลงทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำ ลำคลองสายต่าง ๆ มีปริมาณทรงตัวและเริ่มลดลงตามลำดับด้วย ซึ่งกรมชลประทานจำเป็นต้องมีการปรับแผนการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อรักษาระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้ต่ำกว่า+14.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางโดยลดการระบายน้ำเข้าคลองต่าง ๆ ทั้ง 2 ฝั่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี