10 ก.ย. 58 นายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ปัจจุบันการทำประมงทะเลของไทยประสบปัญหาการจับสัตว์น้ำเกินกำลังการผลิต (Over Fishing) ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำอยู่ในสภาวะเสื่อมโทรม โดยการสำรวจของกรมประมงพบว่า ในปี 2504 เคยจับสัตว์น้ำได้ประมาณ 300 กิโลกรัม/ชั่วโมง ขณะนี้ลดเหลือเพียง 24 กิโลกรัม/ชั่วโมง เนื่องจากมีการจับสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ในปริมาณมากกว่าศักยภาพการผลิตตามธรรมชาติ ขณะเดียวกันพ่อแม่พันธุ์ปลายังถูกจับขณะที่มีไข่ หรือถูกจับตั้งแต่ขนาดเล็กซึ่งไม่มีโอกาสเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนได้ และผลการจับสัตว์น้ำได้น้อยลง ทำให้ชาวประมงบางส่วนลดขนาดตาอวนให้มีขนาดเล็กลง ทั้งยังคิดค้นวิธีการและเครื่องมือจับสัตว์น้ำใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถจับสัตว์น้ำได้ทุกขนาดทุกชนิด ซึ่งเป็นการทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำไทยจะทรุดโทรมถึงขั้นไม่อาจฟื้นฟูได้
ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าว กรมประมงได้จัดทำนโยบายการบริหารจัดการประมงทะเล เน้นการมีส่วนร่วมของชาวประมง เพื่อให้สามารถรักษาระดับผลจับสัตว์น้ำสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) โดยกำหนดแนวทางการทำประมงให้มีระดับการลงแรงประมงที่เหมาะสม ทั้งควบคุมจำนวนเรือและเครื่องมือประมงแต่ละชนิดให้เหมาะสมกับปริมาณสัตว์น้ำที่มีอยู่ หรืออาจมีการยกเลิกเครื่องมือประมงบางชนิด พร้อมลดวันและกำหนดระยะเวลาทำการประมง ลดพื้นที่การทำประมง นอกจากนี้ ยังจะลดศักยภาพการทำประมง เช่น ขยายขนาดตาอวนก้นถุงเครื่องมือประมงอวนลากเป็น 5 เซนติเมตร โดยให้เวลาปรับปรุงแก้ไขจนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 หรือลดขนาดและจำนวนเครื่องมือประมง
อย่างไรก็ตาม กรมประมงได้มีแผนกำหนดจำนวนเรือที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มสัตว์น้ำสำคัญ และเร่งจัดทำมาตรการเพื่อลดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือไอยูยู (IUU) ทั้งสำหรับเรือประมงในน่านน้ำและนอกน่านน้ำ ขณะเดียวกันยังกำหนดมาตรการลดความขัดแย้งของชาวประมงพื้นบ้านและผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ และมีมาตรการลดการจับสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อน และมาตรการฟื้นฟูและรักษาแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำด้วย อาทิ การจัดทำปะการังเทียม การจัดทำโครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เช่น การสร้างธนาคารพ่อ-แม่พันธุ์ การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการฟื้นฟูป่าชายเลน
นอกจากนั้น กรมประมงยังกำหนดแผนการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการประมง โดยควบคุมเฝ้าระวังการทำประมงเพื่อป้องกันการทำประมง IUU มีผู้ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำประมงและหน่วยงานเฉพาะที่ต้องรับผิดชอบในการออกใบรับรองการจับสัตว์น้ำ ทั้งยังจัดทำแผนควบคุมและตรวจสอบการทำประมงครอบคลุมถึงการเฝ้าระวังก่อนออกทำการประมง การตรวจตราเรือประมงระหว่างการทำการประมง และการเฝ้าระวังเรือประมงที่ท่าเทียบเรือ โดยเรือประมงทุกลำทั้งเรือประมงที่ทำการประมงในน่านน้ำไทย น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน และน่านน้ำสากล ต้องได้รับอนุญาตทำการประมงตามพื้นที่ที่ทำประมงอย่างถูกต้องซึ่งการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการทำประมงอย่างยั่งยืน ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถตรวจสอบยืนยันที่มาของสินค้าสัตว์น้ำในทุกขั้นตอนการผลิต ครอบคลุมการทำประมงโดยเรือไทยที่ทำการประมงในน่านน้ำไทยและน่านน้ำต่างประเทศ ตลอดจนเรือประมงต่างชาติที่เทียบท่าขนถ่ายสัตว์น้ำในไทย หรือการนำเข้าสัตว์น้ำเพื่อเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเพื่อการส่งออก และการกำหนดมาตรการทางกฎหมาย ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศในการป้องกันและยับยั้งการทำประมงผิดกฎหมาย และการใช้แรงงานในภาคการประมงที่ไม่ถูกต้อง จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
อธิบดีกรมประมง กล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการควบคุมการทำประมง อาทิ การกำหนดเขตการทำประมงร่วมกับมาตรการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนเรือและเครื่องมือประมง การกำหนดระยะเวลาการอนุญาตทำประมง เป็นต้น ซึ่งจะพิจารณาทุกปี เพื่อให้จับสัตว์น้ำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุดได้อย่างยั่งยืนตามหลักวิชาการที่เป็นที่ยอมรับของสากล
ขอบคุณภาพ : thaipublica.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี