ต้องบอกว่าไม่ผิดความคาดหมายตามแนวทางที่มีการโยกย้ายครั้งใหญ่ของข้าราชการระดับ 10 ในกระทรวงเกษตรฯ 14 ตำแหน่ง ตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ และตำแหน่งที่ครบวาระ 4 ปี ที่ต้องต่ออายุราชการ ตามที่อดีต รมว. “ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” ที่แอบวางคนเอาไว้ให้ทำงานในหลายตำแหน่งเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ก่อนที่ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ คนปัจจุบันจะเข้ามารับไม้ต่อ และต้องทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำงาน
ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ให้เดินหน้าตามแนวทางของรัฐบาล “ประยุทธ์ 3” 

และต้องชื่นชมในความกล้าตัดสินใจ ของรมว. “ฉัตรชัย” ที่กล้าเลือกคนทำงานในหลายตำแหน่ง ให้ถูกที่ถูกทาง ในเวลาที่ประเทศชาติต้องเดินหน้าทำงานยามวิกฤติประเทศ แม้ตามโผรายชื่อเดิมจะถูกเปลี่ยนในหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะกรมประมง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมหม่อนไหม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร รวมทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จะไม่เป็นไปตามรายชื่อที่ท่านอดีตรมว.วางเอาไว้ แต่ก็ถือว่าการวางคนของ รมว.คนใหม่ ถูกที่ถูกทางทีเดียว แม้วันนี้ในหลายตำแหน่ง หลายกรม ยังถูกมองว่าเป็น “นโยบายแบบมิตรไมตรี” กับขั้วการเมืองสายเก่า  

โดยเฉพาะกรมส่งเสริมสหกรณ์ ของนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ที่ย้ายมาจาก อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพราะถือเป็นคนสนิท นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จากพรรคชาติไทยที่เป็นคนสายตรงบ้านจรัญฯ ที่ได้ดิบได้ดี เท้าบวมจากบุญหล่นทับ กระโดดขึ้นเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์สมใจอยาก จากเดิมที่มีข่าวว่าจะถูกปลดมานั่งตบยุงที่กระทรวงด้วยซ้ำ นอกจากนั้น ยังมีนายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดฯ เป็นอธิบดีกรมหม่อนไหมที่เท้าบวมเช่นกัน ซึ่งว่ากันว่างานนี้ มีแบ๊กดีหนุนจากกลุ่มการเมือง เพราะตำแหน่งนี้ เดิมมีการวางตัวของอดีตทีมที่ปรึกษา “ปีติพงศ์”ฝั่งทิศตะวันออกหนุนขาดใจ จะเอาผู้ตรวจราชการคนหนึ่ง ไปนั่ง สุดท้าย ก็อย่างที่เห็น แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนในทีมหลุดไปนั่งกรมพัฒนาที่ดินตามที่หมายได้ 1 คน ซึ่งจากนี้ไป กรมนี้ต้องจับตามองว่า จะมีอะไรโผล่ให้เห็นเพราะกรมนี้เป็นที่หมายปองของนักการเมืองทีเดียว 

มาถึงกรมที่ลุ้นกันตัวโก่ง คือ กรมชลประทานของ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ที่ครองตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน ครบวาระ 4 ปี ว่าจะต่อหรือไม่ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อเช่นเดียวกับท่าน “ศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ” ของสำนักงานมาตรฐานสินค้าฯ ส่วนคนที่จะไปแทนอธิบดีกรมชลประทานคนใหม่ยังไม่แต่งตั้ง เชื่อขนมกินได้ หากไปถามท่านรมว. “ฉัตรชัย” คงตอบว่ากำลังหาคนที่เหมาะสมมานั่งตำแหน่งแทน เพราะตอนนี้เรื่องน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญๆๆๆๆๆๆ ซึ่งว่ากันว่าน่าจะเป็นคนแถวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมานั่งกระมัง เห็นว่าคนนี้นามสกุลดังเสียด้วย แถมมาจากกรมอะไรนะแถวนั้น ที่ชื่อกรมคล้ายว่าจะดูเรื่องน้ำสายตรงยังไงต้องรอลุ้นต่อไป ซึ่งคงจะดีเพราะแม้แต่ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ท่นรมว.เกษตรฯ “ฉัตรชัย” ยังไปเอาตัวมาจากกระทรวงนี้ด้วยสินะ  

เลาะรั้วเกษตรฯทิ้งท้ายสิ่งที่ยังงงและสงสัยคือ ทีมที่ปรึกษา รมว. “ฉัตรชัย” ย้ำว่าบางคน แปลกที่ท่านเลือกคนมาทำงานให้คำปรึกษา ดันเป็นคนที่เคยนั่งหน้าห้องของ รมว.เกษตรฯคนหนึ่ง สมัยปี 2547 ที่มีปัญหาลำไยที่อื้อฉาว ที่สุดท้ายข้าราชการเกษตรเซ่นสังเวย ต้องถูกลงโทษไปหลายราย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับการเด้งอดีตปลัดเกษตรฯ “ชวลิต ชูขจร” ไปนั่งตบยุงที่ทำเนียบรึเปล่า เพราะดันมาเด้งเอาตอน ท่านรมว. “ฉัตรชัย” จะเข้ามากระทรวงเพียงวันเดียวและที่งงไปกว่านั้นยังมีที่ปรึกษาบางคนที่เคยเป็นอดีต รมต.เกษตรฯ ยอมลดตัวมาเป็นที่ปรึกษาด้วย ต้องบอกว่ามันแปลกดีนะ ลองดูให้ดีนะขอรับท่านรัฐมนตรี เขาว่ากันว่า การทำสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรแบบตกลงราคาระหว่างจีนกับไทย ต้องเป็นการค้าขายระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้นนะขอรับ ไม่ใช่เอกชนกำมะลออ้างตัวเป็นตัวแทนจีนแล้วใช้วิธีตกลงราคาได้ ระวัง ป.ป.ช. ชี้ชัดนะครับว่าจีทูจีเก๊เป็นอย่างไรไหนๆ ท่านก็เคยอยู่กระทรวงพาณิชย์ ลองตรวจสอบดูนะครับว่า ชื่อบริษัทที่ค้าขายยางพาราที่กระทรวงเกษตรฯทำสัญญา 2 ฉบับ กว่า 4 แสนตัน แบบเอื้อกันสุดๆ ว่าชื่อคุ้นๆ เคยผ่านตาท่านไหม กับที่เคยทำสัญญาเรื่องข้าวมันสำปะหลัง ที่ป.ป.ช. ชี้มูลไปแล้วว่าผิด เผื่อตาสว่างขึ้นครับเดี๋ยวรถสาย 157 และสาย 158 จะมารอ

ดอกตะแบกหลวง