พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงอยู่ในภารกิจการประชุมสมัชชาสหประชาชาติหรือยูเอ็น ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถือเป็นการแสดงบทบาทครั้งสำคัญยิ่ง ในการสร้างความเข้าใจกับประชาคมโลก และถือเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเดินทางเข้าสหรัฐ นับตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองประเทศ ในฐานะหัวหน้า คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ถูกชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐบอยคอตต์ห้ามเดินทางเข้าประเทศในช่วงที่ผ่านมา
ตลอดภารกิจหลายวันที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์นับว่า ได้ใช้เวทีนานาชาติครั้งนี้ สร้างประโยชน์ให้เกิดกับประเทศชาติได้อย่างเต็มที่ เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ประชาคมโลกมองไทยดีขึ้นมาก ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมก็ต้องขอร่วมชื่นชมและเป็นกำลังใจด้วย
การประชุมยูเอ็นครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเกียรตินั่งเป็นประธานการประชุมกลุ่มประเทศจี 77 หรือกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา,ได้ขึ้นรับรางวัล“ไอซีทีเพื่อการพัฒนา” จากไอทียู-สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ แล้วยังได้พบปะจับมือเจรจาความเป็นผู้นำโลกหลายต่อหลายคน ไม่ว่าประธานาธิบดีโอบามา,เลขาฯยูเอ็น เป็นต้น ทั้งแสดงวิสัยทัศน์ในหลากหลายหัวข้อเกี่ยวกับการพัฒนา
หนึ่งในหัวข้อที่มีโอกาสขึ้นกล่าวคือ เรื่องเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำโดยระบุว่า ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษได้ช่วยให้ประชาชนทั่วโลกสามารถเข้าถึงน้ำ มีสุขาภิบาลที่ดีขึ้น ทั้งได้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านน้ำ คำนึงถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง และ น้ำเสีย สำหรับไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมาดำเนินการ โดยจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 12 ปี (พ.ศ. 2558-2569)เพื่อวางกรอบการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ครบวงจร เน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในแต่ละท้องถิ่น และอยู่ระหว่างจัดทำพ.ร.บ.น้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางน้ำให้กับประเทศ ตั้งเป้าให้ทุกหมู่บ้านกว่า 7,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ มีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภคภายในปี พ.ศ. 2560 ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการป้องกัน และลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกี่ยวกับน้ำ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า น้ำคือชีวิต น้ำคือความอยู่รอดของมนุษยชาติ เกี่ยวข้องกับทุกคน ไม่ว่ายากดีมีจนในเมืองหรือชนบท ดังนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทุกภาคส่วนและทุกคนในการบริหารจัดการน้ำ และใช้ทุกโอกาสผลักดันให้น้ำเป็นกลไกสร้างความร่วมมือ เพื่อความกินดีอยู่ดี การเติบโตของเศรษฐกิจ ตลอดจนความสมดุลของระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืนต่อไป
เชื่อได้ว่า ถ้อยแถลงนี้ ไม่ใช่แค่อ่านไปตาม“บท”ที่กำหนดไว้ แต่นี่เป็นเรื่องหนึ่งในความตั้งใจที่จะทำจริงๆของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และผมทราบมาว่า นี่เป็นภารกิจสำคัญยิ่งเรื่องหนึ่ง ถึงได้มีการส่งพล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ มาเป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์ด้วย
โดยก่อนหน้าที่จะมาเป็นรมว.เกษตรฯนี้ ในช่วงที่พล.อ.ฉัตรชัยเป็นรมว.พาณิชย์ อยู่ ก็เคยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีบทบาทในการวางแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำเอง ซึ่งได้รวบรวม 30 กว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำที่ต่างฝ่ายต่างทำ แม้แต่ละปีจะมีงบประมาณด้านน้ำร่วมกันปีละ5-6 หมื่นล้าน แต่งบฯที่กระจัดกระจาย ทำให้ไม่ได้ผลงานเต็มที่ จึงต้องวางแผนบูรณาการจัดการน้ำร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
การบริหารจัดการเพื่อสร้างความมั่นคงในเรื่อง“น้ำ”อย่างยั่งยืน เป็นงานใหญ่ที่มีความสำคัญยิ่ง และจะเป็นเครื่องวัดผลงานรัฐบาลกับพล.อ.ฉัตรชัยในระยะยาวต่อไป
ส่วนเรื่องเฉพาะหน้านั้น ทันทีที่เข้ามาเป็นรมว.เกษตรฯเมื่อเดือนสิงหาคม พล.อ.ฉัตรชัยได้ไปตรวจเยี่ยมกรมชลประทาน มอบนโยบายเน้นย้ำให้วางแผนจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด รับมือภัยแล้งในการเพาะปลูกฤดูกาลหน้า โดยให้จัดทำเป็นแผนที่ชัดเจนภายใน 1 เดือน นำไปสู่ภาคปฏิบัติจริงในเดือนตุลาคมนี้ให้ได้ ขณะที่อีกเรื่องสำคัญคือ การตั้งอธิบดีกรมชลประทานคนใหม่ที่จะมาดูแลการบริหารจัดการน้ำ หลังจากครม.เห็นชอบให้ย้ายนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะไปเป็นรองปลัดกระทรวงฯแล้ว ตอนนี้ตัวเต็งมีทั้งลูกหม้อ รองอธิบดี-สุเทพ น้อยไพโรจน์ แต่ก็มีกระแสข่าวว่านายจาตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำอาจได้ย้ายข้ามห้วยจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯมาเป็นก็ได้ เหมือนที่นายนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ ข้ามหวยมาเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ
จะได้ใครก็ตาม แต่ต้องขอฝากว่าภารกิจสำคัญที่ควรจะต้องเร่งทำ คือ การล้าง“ระบบหลงจู๊”ที่ฝั่งรากลึกอยู่ในกรมชลประทานนี้ให้ได้เสียที
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี