วัดพระธาตุหนองจันทร์ สำนักปฏิบัติธรรมแห่งที่ 18 ของไทย ตั้งอยู่ ต.บ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ วัดแห่งนี้ถูกทิ้งให้รกร้างมานานเป็นซากปลักหักพัง จนครูบา มานพ ติกุขวีโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหนองจันทร์คนปัจจุบัน เข้ามาพัฒนาเมื่อปี 2520 พัฒนาวัดไปพร้อมกับการศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยวัตถุโบราณที่ขุดค้นพบบริเวณวัด จนในที่สุดได้รับคำยืนยันจากนักโบราณคดี กรมศิลปากรว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมสมัยเชียงแสน และก้าวเข้าสู่ดินแดนล้านนา และไปสู่ความเจริญในอาณาจักรสุโขทัย วัดพระธาตุหนองจันทร์ จึงเป็นวัดที่สำคัญบนเส้นทางค้าขายในอดีต
โดยจากการที่เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ได้มีการปฏิสังขรณ์ด้วยความมุ่งมั่นกว่า 30 ปี ทำให้พระธาตุหนองจันทร์กลายเป็นวัดหนึ่งใน จ.แพร่ ที่ได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนเข้ามายังวัดแห่งนี้ไม่ขาดสาย
สำหรับ ครูบา มานพ ติกุขวีโร สถานะเดิม ชื่อนายมานพ ศรีโพธิ์ เกิดวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2501 บิดาชื่อ นายจันทร์ มารดา ชื่อนางหลั่น เกิดที่บ้านเหล่าใต้ ต.บ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ ในช่วงวัยเยาว์เข้าศึกษาเบื้องต้นในชั้นประถมปีที่ 4 พ.ศ. 2512 โรงเรียนบ้านเทพ (เทพสุนทรินทร์) ต.บ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พ.ศ. 2520 โรงเรียนพยุหคีรี จ.นครสวรรค์ ในระหว่างบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ท่านมักจะมีการโยกย้ายอยู่เสมอจาก จ.แพร่ ย้ายไปเรียนที่ จ.น่าน อยู่กับหลวงพ่อชยานันทมุนี เจ้าคณะจังหวัดน่าน (พระราชนันทาจารย์) และท่านเจ้าคุณพระภัทรมุนี ย้ายไปอยู่ จ.นครสวรรค์ ที่วัดเขาแก้ว อ. พยุหคีรี จนกระทั้งปี 2516 ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดพระเทพสุนทรินทร์ตามเดิม
ต่อมาจึงรวบรวมปัจจัยจากศรัทธาของญาติโยมนำไปทำบุญที่วัดพระธาตุหนองจันทร์ ซึ่งขณะนั้นไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เลย โดยเป็นเพียงปูชนียสถานแห่งหนึ่งเท่านั้น และได้ดำริจะบูรณะซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดพระธาตุหนองจันทร์ และองค์พระธาตุขึ้นใหม่ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้มีจิตศรัทธาเป็นอย่างดี หลังจากงาน บูรณะแล้วเสร็จ
สำหรับครูบามานพ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ชาวแพร่ และจังหวัดใกล้เคียงร่ำลือถึงความประพฤติปฏิบัติในพระธรรมวินัย และยังเป็นพระเถระที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนแสวงหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ครูบามานพ บูรณะและสร้างเสนาสนะใหม่ ขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนใช้ปฏิบัติศาสนกิจ อบรมสั่งสอนศีลธรรมจริยธรรมแก่พุทธบริษัทอย่างสม่ำเสมอ
ครูบามานพ ท่านดำริขึ้นว่า ปัจจุบันนี้ท่านได้สร้างโรงเรียนพระปริยะติธรรมแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่านมีแนวคิดที่จะจัดทำพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณที่ขุดพบตอนที่บูรณะองค์พระธาตุครั้งแรกที่ชำรุดในปี พ.ศ. 2523 ขณะที่เป็นวัดร้าง โดยวัตถุโบราณที่ขุดพบส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องประดับแก้วแหวนเงินทองสร้อย ดาบเงิน ดาบทอง เครื่องเงินผอบเงิน ผอบทอง พระพุทธรูปทำจากดินเคลือบด้วยเงินทั้งองค์ มีทั้งองค์เล็กและใหญ่จำนวนมาก ถ้วย ชาม หม้อ ไห ต่างๆ
โดยวัตถุโบราณส่วนหนึ่งนำเก็บกันเข้าไปไว้ในองค์พระธาตุตามเดิม ส่วนที่นำออกมาเก็บไว้เพื่อที่จะเปิดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักเรียนนักศึกษาคนรุ่นหลังได้เรียนรู้ โดยวัตถุโบราณที่นำออกมาเป็นจำพวกเครื่องประดับม้าที่ทำจากเงิน สร้อย ระฆัง พระพุทธรูปเงิน เศียรพระ ถ้วย ชาม หม้อ ไห กำไล ต่างๆ
ทั้งนี้ จากการที่ได้นำวัตถุโบราณบางส่วนส่งให้ทางกรมศิลปากรช่วยตรวจสอบแล้วในปี พ.ศ. 2527 มีหนังสือตอบกลับมาจากทางกรมศิลปากรว่า วัตถุโบราณที่ขุดพบอยู่ในสมัยยุคต้นสุโขทัย ส่วนองค์พระธาตุสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยเชียงแสนตอนต้น เป็นพระธาตุที่อยู่คู่กันมาสมัยเดียวกันกับองค์พระธาตุช่อแฮ บริเวณรอบองค์พระธาตุยังมีสิ่งที่หน้าสนใจอีกอย่าง คือ พระพุทธรูปหยกที่แกะจากหินธรรมดากรายเป็นหยกทั้งองค์
และส่วนที่ยังรอการบูรณะอยู่ก็มีองค์พระธาตุที่ขาดการบำรุงรักษามานาน และด้วยความตั้งใจที่จะหุ้มทองให้หมดทั้งองค์พระธาตุให้เหมือนองค์พระธาตุช่อแฮ แต่ยังคงขาดปัจจัยที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเช่นกัน ปัจจุบันนี้มีเพียงยอดฉัตรที่หุ้มด้วยทองเท่านั้น อีกทั้งในส่วนของห้องพักและห้องน้ำสำหรับผู้ที่มาพักปฏิบัติธรรมก็ยังคงไม่เพียงพอ
ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหนองจันทร์ กล่าวว่า “อย่างไรก็ดี ท้ายนี้อาตมาขอใคร่ฝากถึงญาติโยมที่มาพักปฏิบัติธรรมผู้มีจิตศรัทธาที่แวะเวียนมาสักการะกราบไหว้พระธาตุปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ได้ช่วยกันทำนุบำรุงให้ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เพื่อสืบทอดพุทธศาสนาต่อไปเจริญพร”
ราเชนทร์ โชติถนอมกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี