วันนี้ เราจะพูดกันต่อ ถึงเรื่องของความยากง่ายในการรวมเรื่องหนังทั้งระบบ ให้เข้ามารวมกลุ่มอยู่ในหน่วยงานเดียวกัน...เริ่มที่ความง่ายก่อน คือทุกวันนี้ จะง่ายตรงที่กฎหมายมีแล้ว, กลุ่มคนและหน่วยงานที่ทำงานกันอยู่มีแล้ว, รูปแบบและวิธีการทำงาน ตลอดจนผลงานที่ทำกันมานานกว่า 7 ปี ก็มีให้เห็นผล(บวกบ้างลบบ้าง)กันอยู่แล้ว, จะขาดอยู่ก็แต่เพียงความคิดและการเริ่มต้น ของผู้ที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอำนาจในการตัดสินใจ...ถ้าจะถามว่า ใครจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้? คำตอบก็น่าจะไปดูได้จากกฎหมาย คือพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ปีพ.ศ.2551...ที่กฎหมายเขียนไว้ว่า “ให้มีคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ฯลฯ...ซึ่งในทางปฏิบัติ นายกรัฐมนตรีก็จะมอบให้รองนายกฯท่านใดท่านหนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่แทนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เริ่มใช้กฎหมายเรื่อยมา...และคณะกรรมการชุดนี้เอง ที่กฎหมายเขียนระบุอำนาจหน้าที่ไว้ชัดเจนว่า 1) เสนอนโยบาย แผน และยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการประกอบอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่อคณะรัฐมนตรี...นั่นเป็นอำนาจหน้าที่ในข้อที่ 1 ซึ่งถ้าบวกกับข้อที่ 3 ที่ว่า 3) เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี ในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ แล้ว....อำนาจหน้าที่สองข้อนี้ ก็จะเป็นคำตอบได้ว่าคณะกรรมการภาพยนตร์ฯแห่งชาติ ที่มีรองนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานกรรมการอยู่ คือผู้ที่มีอำนาจจะเสนอความคิดได้ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่เราควรจะมี “กรมภาพยนตร์” ซึ่งสังกัดอยู่ในกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ขึ้นมา...ซึ่งหน่วยงานแห่งนี้จะรวมเอางานภาพยนตร์ทุกอย่างที่มีอยู่ในประเทศไทยอันเคยเป็นงานที่อยู่ในระดับกองหรือระดับสำนักในกระทรวงสองกระทรวง เข้ามารวมไว้ในที่เดียวกัน โดยมีโครงสร้างการทำงานที่เขียนแยกงาน(นอก-ใน)กันไว้แจ้งชัด แล้วก็ทำงานต่อไป ภายใต้กฎหมายฉบับเดิม...จากความคิด ไปสู่การกระทำตรงนี้จะมีงานเพิ่มขึ้นเพียงแค่การเสนอแก้พระราชบัญญัติเพียงไม่กี่มาตรา กับการตัดสินใจว่าจะให้กรมนี้สังกัดอยู่ในกระทรวงไหน ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงการท่องเที่ยว?....ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ จะนับเป็นการปรับปรุงหรือส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์(และวีดิทัศน์)ทั้งระบบ ของประเทศไทยได้อีกอย่างหนึ่ง...อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย ที่มิได้มีเพียงแค่การจะส่งเสริมหนังไทยแค่ไหนอย่างไรเท่านั้น แต่จะรวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมในการผลิตหนังในขั้นตอนก่อนการถ่ายทำ-หรือหลังการถ่ายทำตามระบบสากลที่ใช้กันทั่วโลก/ธุรกิจในการที่จะชักจูงหรือให้บริการแก่นักสร้างหนังต่างประเทศให้สนใจเข้ามาใช้เมืองไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง....การส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ จะส่งผลโดยอ้อมให้กับคนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องหนังได้มีโลกทัศน์ที่กว้างขวางขึ้น หรือส่งผลให้นักสร้างหนังในเมืองไทยได้เรียนรู้และกล้าคิดกล้าทำแข่งขันกับต่างประเทศได้มากขึ้น หรือปัญหาเรื่องนักสร้างหน้าใหม่ กับโรงฉายหนังก็อาจจะมีทางเลือกที่ดีขึ้นฯลฯ ....การเริ่มต้นให้ทุกอย่างมารวมกลุ่มเข้าด้วยกันเช่นนี้อาจจะส่งผลให้เกิดการร่วมทำร่วมคิดกันได้มากขึ้น หรือดีขึ้น ยิ่งกว่าการที่ต่างคนต่างทำคนละเรื่องเดียวกัน ดังเช่นที่เป็นมา....ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความง่าย ที่อาจจะมีความยากในเรื่องอื่นอีกบางเรื่อง ซึ่งตอนหน้าเราจะได้พูดถึงกันต่อไปอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี